หน้าศก./ยืดขึ้น"แอลพีจี"

หน้าศก./ยืดขึ้น"แอลพีจี" ปตท.ปรับงบ ลงทุนเอ็นจีวี ชะลอแยกราคาแอลพีจี รอนายกฯ ใหม่ลงนาม ปตท.ปรับงบลงทุนเอ็นจีวีให้ต่ำกว่าปีละหมื่นล้านบาท เหตุยอดใช้ก๊าซลดลงหลังราคาน้ำมันร่วงหนัก นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คงต้องชะลอการปรับโครงสร้างก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่จะแยก 2 ราคาไปก่อน เพราะต้องรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นผู้ลงนามในประกาศ และแนวทางในการดูแลความปลอดภัยของการแยกแอลพีจี 2 ราคาตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับราคาแอลพีจีได้เมื่อใด แต่คาดว่าคงจะต้องเร็วที่สุดหลังจากมีครม.ชุดใหม่ ดร.จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มปตท.อยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนเอ็นจีวีให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2552 โดยจะลดการลงทุนช่วงปี 2552-2553 ให้ต่ำกว่าปีละ 1 หมื่นล้านบาท เพราะการติดตั้งชะลอตัวลง และมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2,870 ตันต่อวัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งขยายสถานีจ่ายก๊าซ แต่ก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะหากราคาน้ำมันปรับขึ้นอีก จะทำให้ยอดการใช้เอ็นจีวีกลับมาสูงขึ้นอีก นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ ปตท. กล่าวว่า ปัจจุบัน ปตท.ยังจำหน่ายเอ็นจีวีขาดทุนอยู่ 5 บาทต่อกก. เพื่อส่งเสริมการใช้เอ็นจีวีแทนแอลพีจี จึงตั้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริง 14 บาทต่อกก. และมติครม.ให้เพิ่มราคาเป็นไม่เกิน 12 บาทต่อกก.ในปี 2552 แต่ต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณาอีกว่าจะให้ขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามในอนาคตเป็นไปได้ที่ราคาเอ็นจีวีจะมาใกล้เคียงกับราคาน้ำมันและแอลพีจี "