ข่าว

เคียงข่าว // หน้า 1 อี 2

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เคียงข่าว // หน้า 1 อี 2 + การเมืองคือการต่อรอง + จะเรียกว่าเข้าทาง หรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อ "ชัย โมเช่" รับหน้าที่ประธานรัฐสภา เป็นตัวเชื่อมให้รัฐบาลที่จะขอเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ก็เลยทำให้เกมต่อรอง เปิดได้เต็มที่ภายใต้กรอบเวลา 30 วัน นั่นก็เลยทำให้ได้เห็นฤทธิ์เดชของกลุ่ม "เพื่อนเนวิน" ที่น่าจะได้เวลาคายก้อนเลือดที่อมไว้เต็มพุงตั้งแต่เมื่อครั้งโดนยึดโควตารัฐมนตรีครั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นเป็นนายกฯ เกือบ 40 ส.ส.ของกลุ่มเพื่อนเนวิน จึงเดินเกมจ๊ะจ๋ากับประชาธิปัตย์ ให้คำมั่นดัน "นายหัวชวน" ขึ้นเป็นนายกฯ อีกหน ไปพร้อมๆ กับการแสดงท่าที เฉยๆ ต่อพรรคเพื่อไทย พรรคใหม่เพื่อรองรับ ส.ส.พลังประชาชน ขณะเดียวกันก็ไปยื่นไมตรีกับ "พรรคเพื่อแผ่นดิน" นัยว่าจะขอร่วมวงไพบูลย์ และเพิ่มอำนาจต่อรองให้แก่เพื่อแผ่นดิน ด้วยจำนวนเสียงที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิม 24 เสียง ถ้าเพิ่มอีกเกือบ 40 เสียง ก็กว่าครึ่งร้อยไปแล้ว โดยไม่ได้ปิดกั้นโอกาสที่จะเข้ารวมกับพรรคเพื่อไทย ไปในขณะเดียวกัน เพราะการเมืองก็คือการต่อรอง ยิ่งเมื่อกระแสข่าวว่า กลุ่มภาคกลางของ สรอรรถ กลิ่นประทุม อีก 10 กว่าเสียง ทำท่าว่าจะใช้โอกาสนี้ลาขาดกับก๊วนพลังประชาชน บ่ายหน้าไป รวมใจไทยชาติพัฒนา ก็ยิ่งทำให้ เพื่อไทย หดเล็กลงทุกขณะ แน่นอนว่า ยิ่งสร้างอำนาจต่อรองให้ "เพื่อนเนวิน" มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ถ้าหากที่สุดแล้ว "ขั้ว" ยังไม่พลิก จำนวนพรรคร่วมรัฐบาลยังคงเป็น 6 พรรคเดิม เพียงแต่ สัดส่วนโควตารัฐมนตรีเท่านั้นที่เปลี่ยนไป อาการคลื่นเหียนเพราะต้องจำ "กลืนเลือด" อาจเกิดขึ้นในก๊วนวังบัวบานกันบ้าง เงื่อนไขที่ไม่อาจปฏิเสธ เพราะยังมุ่งหวังที่จะครองอำนาจการเมืองไว้ในมือ แต่วันเวลารุกไล่เหลือน้อยลงทุกขณะ อาจทำให้อ่อนล้า แต่ข้อต่อรองอาจค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ยงยุทธ ติยะไพรัช กระทั่ง "เจ๊หน่อย" และ "สารวัตรเหลิม" อาจได้สัมผัมรสชาติขมปร่า ยากจะกล้ำกลืนกันบ้าง เพราะหนทางที่เป็นไปได้ และทำให้ "เพื่อนเนวิน" มีอำนาจต่อรองมากที่สุด ไม่ใช่การเข้าไปอยู่ใต้ชายคา "พรรคเพื่อไทย" เช่นเดียวกับก๊วนภาคกลางของ สรอรรถ ที่หากมาเพิ่มกำลังต่อรองให้แก่ รวมใจไทยชาติพัฒนา ก็เท่ากับว่าได้ "ทวงความชอบธรรม" กลับคืน หลังจากก่อนหน้านี้ เด็กในคาถาอย่าง "บุญลือ ประเสริฐโสภา" ถูกเขี่ยตกเก้าอี้ รมช.ศึกษาธิการ คำว่า "การเมืองคือการต่อรอง" ก็จะได้เห็นกันจริงๆ จังๆ กันอย่างเต็มรูปแบบกันหนนี้ เอาเข้าจริง ไม่เพียงแค่กู้ศักดิ์ศรีเรียกโควตารัฐมนตรีกลับคืน แต่อาจมีส่วนสำคัญในการ "เสนอแนะเพื่อการตัดสินใจ" ว่า ใครคือผู้ที่ควรจะเข้ามาเป็นผู้นำประเทศในยามนี้ หาใช่พรรคเสียงข้างมากอย่าง "พรรคเพื่อไทย" ไม่ เกมนี้จึงเป็นเกมที่วัดกันระหว่างฝ่ายที่มีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กับอีกฝ่ายที่มี ประธานรัฐสภาอยู่ในสังกัด ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจยุบสภา อีกฝ่ายเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และเป็นฝ่ายที่อ้างถึง "ความชอบธรรม" ของพรรคเพื่อไทย ที่แม้จะมีเสียงข้างมาก แต่ก็หมดไปแล้ว หลังจากไม่สามารถใช้อำนาจรัฐในการควบคุมประเทศให้อยู่ในความสงบจนมีการยึดสนามบิน แต่ความชอบธรรมที่ว่านั้น ก็อย่าได้คิดว่า จะสวิงไปหาพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่พร้อมจะอ้างถึงความชอบธรรมหากว่าพลพรรคทั้ง 5 ย้ายขั้วเข้าไปซบ ไม่ใช่อะไร ก็เพื่อจัดการปัญหาโควตารัฐมนตรี ที่จะตามมาในภายหลัง เพราะความจริงของการเมืองก็คือ "การต่อรอง" ในเมื่ออำนาจการต่อรองในขั้วที่อ่อนแออย่าง "เพื่อไทย" แนวโน้มที่จะ "ได้" ย่อมมีมากกว่า...แล้วใครล่ะจะบ้าย้ายฝั่ง ถึงแม้ว่าในยามนี้ หลายฝ่ายกำลังห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมือง ที่ไม่ต่างจากไต่อยู่ปากเหว ข้อเรียกร้องของทหาร เหรอ...เอกชนเรียกร้องให้วางอำนาจสลับขั้ว เหรอ...เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาฟัง !
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ