SMC โชว์นวัตกรรมเครื่องเป่าบรรจุภัณฑ์ฝีมือคนไทยส่งออกแล้ว 70 ประเทศทั่วโลก พบกันในงาน TI Expo 2019 17-21 ก.ค 2562 นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี #Tiexpo2019
#นวัตกรรม #กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม #กระทรวงอุตสาหกรรม
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะมีบริษัทคนไทยสามารถประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับในระดับโลกแต่สำหรับบริษัท เอสเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SMC Corporation) อาจเป็นผู้ประกอบการไทยรายแรกและรายเดียว ที่สามารถออกแบบและผลิตเครื่องเป่าบรรจุภัณฑ์พลาสติกด้วยฝีมือคนไทย 100% และยังส่งไปจำหน่ายให้กับลูกค้ามาแล้วกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
ก้าวแรกของ SMC เริ่มเมื่อ 38 ปีก่อน โดยมีวิศวกรคนไทยสองคนที่เล็งเห็นโอกาสธุรกิจ ว่าตลาดอุตสาหกรรมไทยยังมีความต้องการเครื่องจักรผลิตขวดพลาสติกอีกมาก
“ในเวลานั้น ปี 2525 คุณลุงและคุณพ่อซึ่งเป็นวิศวกร มองว่าในประเทศไทยยังไม่มีโรงงานที่ผลิตเครื่องเป่าขวดพลาสติกเลย จึงต้องอาศัยการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งหากใครอยากได้ของคุณภาพดี ก็ต้องสั่งของยุโรป ซึ่งจะมีราคาสูงมาก แต่ถ้าอยากได้ของราคาถูกกว่าก็ต้องสั่งจากจีน แต่เรื่องคุณภาพยังไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก คุณลุงและคุณพ่อจึงคิดที่จะออกแบบและพัฒนาเครื่องจักรขึ้นมาเอง เพื่อตอบสนองลูกค้าในประเทศ โดยเราได้พันธมิตรจากเยอรมนีมาช่วยพัฒนาร่วมกัน จนสามารถผลิตเพื่อรองรับลูกค้าในประเทศไทยได้” คุณจิรวรรธน์ นันทจินดา กรรมการบริหาร บริษัท เอสเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าว
หลังจากความสำเร็จในไทย การเติบโตของ SMC ยังไม่หยุดยั้ง เพราะมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดสู่ลูกค้าต่างประเทศ ในปีพ.ศ. 2527 SMC ได้เริ่มขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย พร้อมกับการเริ่มเข้าร่วมในงานแสดงสินค้าเครื่องจักรในระดับโลก
“เรานำผลิตภัณฑ์ของเขาไปจัดแสดงในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประสบความสำเร็จ ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้านานาประเทศ เนื่องจากเพราะสินค้าเรามีคุณภาพดี และราคาเหมาะสม”
จากการสร้างธุรกิจด้วยจุดแข็ง “European Standard with Asian Price Tag” คือการเป็นเครื่องจักรมาตรฐานยุโรป ในราคาเอเชีย ปัจจุบัน SMC มีลูกค้ากว่า 70 ประเทศ และจำหน่ายสินค้าไปแล้วกว่า 5,000 เครื่อง ซึ่งบริษัทจะมีเอเย่นต์ทั่วโลกคอยดูแลลูกค้าทั่วโลก ขณะที่ในส่วนของฐานการผลิตทั้งหมดยังคงอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 12 ไร่ในจังหวัดกาญจนบุรี และมีพนักงานกว่า 200 คน
แต่หากถามถึงปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จและไว้วางใจจากลูกค้ายาวนาน คุณจิรวรรธน์ นันทจินดา เฉลยว่า นอกจากการมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นถึงคุณภาพสินค้า SMC ยังสามารถมัดใจลูกค้า ด้วยการให้บริการแบบ “One Stop Service” นั่นคือหากลูกค้าต้องการอะไร SMC สามารถจัดหาให้ได้หมด
คุณจิรวรรธน์ นันทจินดา เอ่ยว่า วันนี้พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป เริ่มมีความต้องการแบบ On Demand หรือ Made to Order มากขึ้น จึงเป็นโอกาสดีที่บริษัทได้พัฒนาจุดแข็ง ซึ่งสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
“สิ่งที่ลูกค้าต้องการคือโซลูชัน ที่เราสามารถตอบโจทย์หรือเป็น One Stop Service เนื่องจากลูกค้าอยากจบที่เดียว เทรนด์ดังกล่าวเปลี่ยนไปประมาณ 5 ปี และเริ่มมีแนวโน้มมากขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องของเราจึงช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจเขา ไม่ว่าจะเป็นระบบ automation conveyor เราต้องหาให้เขาได้
ขณะเดียวกันเราจึงมีการพัฒนาเครื่องจักรหลากหลายที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง SMC มีเครื่องจักรที่สามารถผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกได้ตั้งแต่ขนาด 10 ซีซี ถึง 100 ลิตร และยังมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมเสริมเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าอีกหลายรูปแบบ”
นอกจากนี้ การมีพันธมิตรธุรกิจที่ดีและเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกัน ก็เป็นอีกสิ่งที่ SMC เองให้ความสำคัญมาโดยตลอด
ล่าสุด SMC ยังทำความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่กับคู่ธุรกิจชั้นนำของประเทศผู้ผลิต และคิดค้นเมล็ดพลาสติกซึ่งเป็นนวัตกรรมพลาสติกใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“เรายังคงมองหาพันธมิตรธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจากการร่วมกิจกรรมการเดินสายแสดงสินค้า การร่วมกิจกรรมด้านคู่ค้ากับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ปี 2550 ก็ทำให้เราได้ทั้งคู่ค้า และพันธมิตรธุรกิจกลับมามากมาย เราได้มีซัพพลายเออร์ที่สนับสนุนกธุรกิจเราได้ โดยไม่ต้องไปตามหาเอง
สำหรับในงาน ti Expo 2019 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17-21 กรกฎาคม 2562 นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ทางบริษัท SMC ยังได้นำเครื่องเป่าขวดพลาสติกรุ่นใหม่ๆ มาจัดแสดงในงาน อาทิ เครื่องเป่าขวดพลาสติกที่มีระบบผลิตฉลากในขวด ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศมากว่า 10 ปี และอีกเครื่องเป็นระบบคอมพิวเตอร์ ที่ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็สามารถเข้าถึงระบบเครื่องจักรและซ่อมแซมแก้ไขได้แบบเรียลไทม์
คุณจิรวรรธน์ นันทจินดา ยอมรับว่าในการมาร่วมงาน ti Expo 2019 นอกจากเอาสินค้ามาจัดแสดงแล้ว ยังหวังด้วยว่าจะได้เจอพันธมิตรธุรกิจใหม่ๆ ในงาน ที่จะมาร่วมกันสร้างและพัฒนาเป็นคลัสเตอร์ธุรกิจให้แข็งแกร่งต่อไป ในยุค 4.0
ข่าวที่เกี่ยวข้อง