เปิดประวัติ "วัดประจำรัชกาล" แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งแต่ละวัด นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมที่งดงามแล้ว ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
"คมชัดลึกออนไลน์" ได้พาไปไล่เรียง ทำความรู้จัก "วัดไทย" รวมทั้ง ความแตกต่างของ "พระอารามหลวง" หรือ วัดหลวง กับ "วัดราษฎร์" มาแล้ว ครานี้ จะพาไปทำความรู้จักกับวัดประจำรัชกาล แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ปฐมกษัตริย์แล้ว โดยส่วนมากมักเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้น หรือบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ แต่คนไทยส่วนใหญ่ มักไม่ค่อยทราบว่า มีวัดใดบ้าง และวัดดังกล่าวมีความสำคัญต่อพระมหากษัตริย์ในแต่ละรัชกาลอย่างไร
จากข้อมูลของ "วัดไทย" ทุกวัดประจำรัชกาล จะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก มีทั้งชนิดราชวรมหาวิหาร และราชวรวิหาร
1. วัดประจำรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ตั้งอยู่ติดกับพระบรมมหาราชวัง ระหว่างถนนมหาราช และถนนสนามไชย ถือเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง นอกจากนี้ ทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551 อีกด้วย
ซึ่งเหตุที่วัดโพธิ์กลายเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 ก็เพราะวัดโพธิ์มีชื่อเดิมว่า "วัดโพธาราม" เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัด และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ" พอมาถึงในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการเปลี่ยนคำสร้อยท้ายนามวัดเป็น "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม"
2. วัดประจำรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณ จากหลักฐานเชื่อว่า สร้างในสมัยอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดมะกอกนอก ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าให้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของรัชกาลที่ 2 มาบรรจุที่พุทธอาสน์ของพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานในอุโบสถ
วัดอรุณฯ ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ ทั้งพระอาราม โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ จึงโปรดให้สร้างพระอุโบสถ และพระวิหารต่อจนแล้วเสร็จ พร้อมทั้งทรงปั้นหุ่นพระพุทธรูป ด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง และโปรดให้หล่อขึ้นประดิษฐาน เป็นพระประธานในพระอุโบสถ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดอรุณราชธาราม ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีการก่อสร้างพระปรางค์องค์ใหญ่ ซึ่งมีความสูง 82 เมตร กว้าง 234 เมตร แต่มาเสร็จสมบูรณ์ ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอรุณราชวราราม"
3. วัดประจำรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร หรือ วัดราชโอรส ตั้งขึ้นอยู่ริมคลองสนามไชยฝั่งธนบุรีที่ติดคลองบางหว้า เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่เดิมมีชื่อว่า "วัดจอมทอง" แต่ต่อมาได้รับพระราชทานนามวัดใหม่ จากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ว่า "วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร" ที่หมายถึง "วัดที่พระราชโอรสทรงสถาปนา" เพื่อเป็นเกียรติแก่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นพระราชโอรส และทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ ทั้งพระอารามและถวายเป็นพระอารามหลวง แด่พระราชบิดา
4. วัดประจำรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ข้างสวนสราญรมย์ เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.2407 เพื่อเป็นวัดธรรมยุตินิกาย เพื่อให้เจ้านายและข้าราชการทั้งฝ่ายนอกและฝ่ายใน ได้บำเพ็ญกุศลกันได้สะดวกขึ้น เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวังและทรงพระราชทานนามว่าวัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
5. วัดประจำรัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 7
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร คำว่า ราชบพิธ หมายถึง พระราชาทรงสร้าง ซึ่งก็คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับพระอัครมเหสีพระราชเทวี และเจ้าจอมพระสนมเอกของพระองค์ ส่วน สถิตมหาสีมาราม ก็คือเป็นวัดที่ประดิษฐานเสมาขนาดใหญ่เพราะตามปกติแล้ว เสมาของวัดโดยทั่วไปจะอยู่ตามมุมหรือติดอยู่กับตัวพระอุโบสถ แต่เสมาของวัดนี้ตั้งอยู่บนกำแพงรอบวัดถึง 8 ด้าน จึงเป็นการขยายเขตทำสังฆกรรมของสงฆ์ให้กว้างขึ้น
วัดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 ด้วย เพราะในรัชสมัยของ รัชกาลที่ 7 มิได้มีการสร้างวัด แต่ท่านก็ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธนี้ด้วย ดังนั้นจึงถือเป็นวัดประจำพระองค์ด้วยเช่นกัน
6. วัดประจำรัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 9
วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เป็นวัดที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพโปรดให้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) มีสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน พระอารามนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เดิมชื่อ วัดใหม่ เป็นวัดโบราณ เมื่อรัชกาลที่ 4 ทรงผนวชได้เสด็จมาประทับ และทรงตั้งคณะสงฆ์ธรรมยุตติกนิกายขึ้นที่วัดนี้เป็นครั้งแรก ถือเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ทรงผนวช ณ วัดนี้อีกด้วย
อีกทั้ง หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) จะอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารประดิษฐานที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร ซึ่งจะถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 9
7. วัดประจำรัชกาลที่ 8
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นใน พ.ศ.2350 แต่มาเสร็จบริบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ.2390 และพระราชทานนามว่า วัดสุทัศนเทพวราราม
ภายในวัดสุทัศนเทพวราราม เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้อัญเชิญ พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีเมื่อ พ.ศ. 2493 และมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรในวันที่ 9 มิถุนายนของทุกปี
8. วัดประจำรัชกาลที่ 10
วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร หรือ วัดทุ่งสาธิต สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2399 โดยคหบดีชาวลาวชื่อ นายวันดี ที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ ภายหลังจากเจ้าอาวาสรูปสุดท้ายมรณภาพ ทำให้ไม่มีใครสืบสานต่อจนกลายเป็นวัดร้าง ต่อมาปี พ.ศ.2506 วัดได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ให้สวยงามดังเดิม
และเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2508 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ (รัชกาลที่ 10) ทรงรับวัดทุ่งสาธิตไว้ในพระอุปถัมภ์ พร้อมได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร" ด้วย พระอาจารย์สาธิต ฐานวโร ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายวัดทุ่งสาธิต แด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ (พระยศรัชกาลที่ 10 ในขณะนั้น)
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลในวิกิพีเดีย จะเห็นว่าวัดประจำรัชกาลที่ 9 ไม่ใช่วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก และ วัดประจำรัชกาลที่ 10 ก็ไม่ใช่วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร แต่เป็นการเลือกเอาวัด ที่พระมหากษัตริย์พระองค์นั้น ทรงมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยยึดเอาที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารเป็นสำคัญ
ที่มา : วิกิพีเดีย,สำนักงานพระพุทธศาสนา, ขอบคุณภาพจาก google
ข่าวที่เกี่ยวข้อง