คอลัมนิสต์

นายกฯตัวจริง ‘เศรษฐา’ ทิ้งไพ่เดิมพัน ‘ประชานิยมดิจิทัล’

นายกฯตัวจริง ‘เศรษฐา’ ทิ้งไพ่เดิมพัน ‘ประชานิยมดิจิทัล’

10 เม.ย. 2566

70 วัน บนเส้นทางฝันสู่นายกฯ เศรษฐา มาพร้อม ประชานิยมดิจิทัล หวังโกยแต้ม นักธุรกิจอสังหาฯหมื่นล้าน อาจเดินตามรอย 49 วัน ของยิ่งลักษณ์

ว่าที่นายกฯตัวจริง เศรษฐา มาพร้อม ประชานิยมดิจิทัล สร้างแรงสะเทือนในตลาดเลือกตั้ง กระชากเรตติ้งเพื่อไทย หนีห่างคู่แข่ง

จับตา 70 วัน บนเส้นทางการเมืองของ เศรษฐา นักธุรกิจอสังหาฯ อาจเดินตามรอย 49 วัน เป็นนายกฯ ของยิ่งลักษณ์ 

 

 

นับจากวันที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัว เศรษฐา ทวีสิน นั่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย วันที่ 1 มี.ค.2566 จนถึงวันที่ 14 พ.ค.2566 อาจเป็นช่วงเวลา 70 วัน ที่มีความหมายอย่างยิ่งของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่ง

 

 

วันที่ เศรษฐา ทวีสิน ยืนบนเวทีพรรคเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย เคียงคู่ แพทองธาร ชินวัตร และ ชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งวันนั้น เศรษฐา เปิดนโยบายเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทยทุกคน ที่มีอายุ 16 ปี ขึ้นไป ช่วงระยะเวลาสั้นๆ 

 


สุดสัปดาห์นี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลมากมาย ทั้งบวกและลบ แกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคยึดแนวทางแก้ปัญหาปากท้องประชาชนมาเป็นอันดับแรก 

 

 

พรรคเพื่อไทยไม่ยกเลิกบัตรคนจน แต่จะเป็นการเปิดให้ประชาชนเลือกระหว่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กับกระเป๋าเงินดิจิทัล 

 

จะว่าไปแล้ว นโยบายหาเสียงกระเป๋าดิจิทัล หัวละหมื่น ก็ไม่ต่างจากปี 2554 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร งัดนโยบายจำนำข้าว เกวียนละ 1.5 หมื่นบาท และข้าวหอมมะลิเกวียนละ 2 หมื่นบาท มาโกยแต้มในช่วงโค้งสุดท้าย

 

พร้อมเป็นนายกฯ

 

ภาพของ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย สวมเสื้อม่อฮ่อม เดินพบปะชาวบ้านที่ตลาดทุ่งโฮ้ง จ.แพร่ และขึ้นเวทีปราศรัยอย่างดุดัน ตอกย้ำว่า เขาได้สลัดคราบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว

 

การเปิดนโยบายกระเป๋าเงินดิจิตัล ของเศรษฐา ก็เป็นหนึ่งในภารกิจของแคนดิเดตนายกฯ และพรรคเพื่อไทยกำลังต้องการนโยบายที่ออกมาแล้วโดนใจประชาชน เพื่อเรียกคะแนนนิยม

 

เศรษฐา มีความเป็นนักการเมืองเต็มตัว พร้อมจะเป็นนายกคนที่ 30

โพลหลายสำนักประเมินตรงกันว่า พรรคเพื่อไทยมาอันดับหนึ่งแน่ แต่จะได้เก้าอี้ สส.ไม่ถึง 310 ที่นั่ง ตามที่ทีมยุทธศาสตร์พรรคตั้งเป้าไว้ 

 

ดังที่ทราบกัน การเลือกตั้งปี 2548 ที่พรรคไทยรักไทย กวาดมาได้ 377 ที่นั่ง ในบริบทการเมืองเวลานั้น มีคู่แข่งคนละขั้วเพียงพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ต่างจากปี 2566 ที่มีพรรคขั้วอนุรักษ์นิยมหลายพรรค แถมพรรคก้าวไกล ยังเป็นพรรคที่จะมาแชร์คะแนนจากฐานเสียงตะกร้าเดียวกัน

 

“สเต็ปแรก ถ้าได้ 310 เสียงก็โอเค แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องบริหารความคาดหวัง ธุรกิจ บริษัท ก็ไม่เหมือนกับที่เราคาดหวังไปทั้งหมด เราต้องอยู่กับความเป็นจริง อายุ 60 กว่าแล้ว ก็เจอความผิดหวังมาตั้งเยอะ อย่าท้อแล้วกัน” เศรษฐา เปิดใจกับทีมข่าวประชาชาติ หลังเปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

 

แสดงว่า เศรษฐาเอง ก็ยังไม่มั่นใจในยุทธศาสตร์ชนะให้ขาด หรือเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เพราะมีหลายเหตุปัจจัยดังที่กล่าวมาข้างต้น

 

ปั้น สส.นกแล

 

ทักษิณ ได้ชื่อว่าเป็นนักกลยุทธ์ทางการเมือง และช่ำชองเรื่องการตลาดการเมือง ใครจะคิดว่า ปี 2544 พรรคไทยรักไทย ที่ตั้งขึ้นเพียง 2 ปี 5 เดือน จะชนะพรรคขนาดใหญ่อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคความหวังใหม่ พรรคชาติไทย และพรรคชาติพัฒนา  

 

ตอนนั้น พรรคไทยรักไทย ขายนโยบายพักหนี้เกษตรกร, กองทุนหมู่บ้าน และ 30 บาทรักษาทุกโรค ปรากฏว่า นโยบายประชานิยมกลายเป็นเรื่องใหม่ ถูกใจประชาชนในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง ทำให้ได้ สส.รวมกัน 248 คน 

 

ที่น่าสนใจ ส.ส.พรรคไทยรักไทยที่ได้รับเลือกตั้งมาในวันที่ 6 ม.ค.2544 พบว่า มีอดีต สส.ปี 2539 เพียง 93 คนเท่านั้น ที่เหลืออีก 155 คน บางคนเป็นอดีต สส. แต่ส่วนใหญ่คนหน้าใหม่ที่เรียกว่า สส.นกแล 

 

การเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคเพื่อไทย ก็มีผู้สมัคร สส.เลือดใหม่จำนวนมากในภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ที่มาทดแทนอดีต สส.บ้านใหญ่ที่ย้ายไปพรรคอื่น

 

แกนนำเพื่อไทยก็หวังที่จะใช้นโยบายประชานิยมดิจิทัล สร้างกระแสแลนด์สไลด์ ทำให้เกิด สส.นกแล ภาค 2