รอดหรือร่วง ‘พิธา’ ฆ่าไม่ตาย ‘พลพรรคสีส้ม’ ไปต่อเทียบมรณสักขี

ฆ่าไม่ตาย พิธา รอดหรือร่วง ก้าวไกลก็ไปต่อ ปิยบุตร เทียบมรณสักขีสีส้ม บทเรียนอนาคตใหม่ถูกล้มกระดาน ยิ่งตีก็ยิ่งโต

คดีหุ้นสื่อ พิธา ความเชื่อกับหลักกฎหมาย อาจไม่ไปในทิศทางเดียวกัน คดีการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ อยู่ที่วิจารณญาณของตุลาการ

วันที่ 24 ม.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีกล่าวหา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายถือครองหุ้นสื่อ ต้องพ้นตำแหน่ง สส.ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ 
 

ก่อนวันตัดสินคดีหุ้นสื่อ พิธา และแกนนำพรรคก้าวไกล มั่นอกมั่นใจว่ารอดแน่ เพราะหลักฐานพยานชี้ชัด ไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการด้านสื่อแล้ว

ในความเป็นจริงทางการเมือง พลพรรคเครื่องจักรสีส้ม มีประสบการณ์มาแล้ว ตั้งแต่ยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หากไม่รอด พรรคก้าวไกลก็น่าจะสั่นไหวแค่ระยะสั้นๆ 

ดังนั้น เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2567 ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เปรียบเทียบกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ และการตัดสิทธิธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจคือ มรณสักขีในการเมือง 

“...การให้นายธนาธรพ้นจาก สส. การยุบพรรคอนาคตใหม่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค 10 ปี พิสูจน์แล้วว่า ไม่สามารถทำลายความนิยมของนายธนาธร ไม่สามารถทำลายพลังของกลุ่มก้อนนี้ได้ ตรงกันข้าม พวกเขาได้รับความนิยมมากกว่าเดิม”

ปิยบุตร ยังพูดถึงวันที่ 31 ม.ค.2567 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย คดีกล่าวหาพิธา และพรรคก้าวไกล ออกนโยบายหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง 2566 แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่

หากผลการตัดสินออกมาไม่เป็นคุณ กับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ก็จะกลายเป็นมรณสักขี เหมือนดังเช่นพรรคอนาคตใหม่

ในศาสนาคริสต์ คำว่า มรณสักขี (martyr) หมายถึงคริสต์ศาสนิกชนที่ถูกทรมานจนตายหรือถูกฆ่าหรือถูกลงโทษให้ประหารชีวิตเพราะความเชื่อ 

สำหรับเมืองไทย ก็เคยเกิด ‘มรณสักขีแห่งสองคอน’ เมื่อคริสต์ศาสนิก ชนชาวไทย 7 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต ที่บ้านสองคอน จ.มุกดาหาร เนื่องจากไม่ยอมเลิกนับถือศาสนาคริสต์ หลังจากนั้น ผู้ตายทั้ง 7 คนได้รับการยกย่องจากคริสตจักรโรมันคาทอลิกว่าเป็น ‘มรณสักขี’ 
 

มรณสักขีสีส้ม
สิ่งที่พิสูจน์ว่า พลพรรคสีส้ม ฆ่าไม่มีวันหมด มีคนรุ่นใหม่ทดแทนกันได้ คงต้องย้อนไปดูเส้นทางเดินของพรรคอนาคตใหม่

กลางปี 2561 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริหารบริษัทไทยซัมมิท และ ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ได้เชิญชวนมิตรสหาย ร่วมกันก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และนำทัพสีส้มลงสนามเลือกตั้ง

 

 

 

ผลการเลือกตั้งปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ ได้ สส.เขต 30 ที่นั่ง และ สส.บัญชีรายชื่อ สส. 51 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 81 ที่นั่ง ได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวต 6,330,617 คะแนน

นี่คือปรากฏการณ์เขย่าขวัญกลุ่มอนุรักษนิยม เมื่อพรรคการเมืองที่อายุไม่ครบ 1 ปี ได้ป๊อปปูลาร์โหวตมาเป็นอันดับ 3 รองจากพรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ 

ในที่สุด วันที่ 21 ก.พ.2563 ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี

ต้นเดือน มี.ค.2563 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้นำพลพรรคสีส้มรุ่นที่ 2 ได้นำ สส. 54 คน ไปสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกล โดยมี สส.บางส่วนไม่ได้ย้ายตามมาด้วย

สส.เหล่านั้น อ้างว่า ไม่สามารถร่วมงานกับพิธาได้ จึงย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคพลังประชารัฐ และพรรคชาติพัฒนา

 

กระแสเหนือกระสุน
พลพรรคสีส้มยุค 2 คือ พรรคก้าวไกล นำทัพโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค จัดทัพลุยศึกเลือกตั้ง 14 พ.ค.2567 

ผลการเลือกตั้งปีที่แล้ว ได้ส่งสัญญาณเตือนสังคมไทยว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเมืองใหม่ และเริ่มปฏิเสธการเมืองเก่า

พรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ได้ สส.ทั้งหมด 151 ที่นั่ง แยกเป็นแบ่งเขต 112 ที่นั่ง และบัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง

เหนืออื่นใด พรรคก้าวไกล ได้ป๊อปปูลาร์โหวต กว่า 14 ล้านเสียง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแต่ไม่สำเร็จ เพราะเจอเกมการเมืองเรื่องดีลลับ จึงตกเป็นฝ่ายค้านอีกสมัย

บทเรียนจากพรรคอนาคตใหม่ ถึงพรรคก้าวไกล สะท้อนคำที่ว่า พลพรรคสีส้มฆ่าไม่ตาย หรือฆ่าไม่มีวันหมดทดแทนกันได้ 

ปรากฏการณ์สีส้ม มิได้เกิดแค่ในเมืองหลวง หรือหัวเมืองใหญ่ หากแต่ยังลามไปถึงพื้นที่ชนบท นี่คือฉากทัศน์การเมืองยุคใหม่ ไม่มีแล้วคำว่า 2 นคราประชาธิปไตย