พระเครื่อง

'ปรัชญา'ในการสะสมพระเครื่องพระบูชา

'ปรัชญา'ในการสะสมพระเครื่องพระบูชา

09 ส.ค. 2554

'ปรัชญา'ในการสะสมพระเครื่องพระบูชา : สายตรงหลวงพ่อทวด โดย วิจิตร ปิยะศิริโสฬส (แพะ สงขลา)

          ผู้เขียนเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ที่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการพระเครื่องพระบูชามาตลอดหลายสิบปี กลั่นกรองจนได้บทสรุปออกมาเป็นบทความนี้

           ในอดีต มีการกล่าวกันในวงการพระเครื่องพระบูชาไว้ว่า การสะสมพระ หรือเล่นพระ จะต้องมีองค์ประกอบ ๔ ถึง คือ ต้อง เงินถึง บุญถึง ตาถึง และ ใจถึง หมายถึง องค์ประกอบแรกต้อง เงินถึง คือ ต้องมีเงินก่อน เพราะพระเครื่องเป็นวัตถุมงคลที่มีราคาค่างวดสูง

            องค์ประกอบที่สอง บุญถึง คือ มีบุญวาสนาได้พบพระแท้ องค์ประกอบที่สาม ตาถึง คือ ต้องดูพระเป็น หากดูพระไม่เป็น ต้องดูเจ้าของพระให้เป็น และองค์ประกอบสุดท้าย ใจถึง คือต้องกล้าที่จะจ่ายเงิน ตามที่เจ้าของพระต้องการ ถึงจะมีสิทธิได้ครอบครองพระ หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งใน ๔ อย่างนี้แล้ว ก็หมดสิทธิ์หมดจะได้ครอบครองพระ นี่คือ ปรัชญาในการสะสมพระเครื่องพระบูชา ที่ยึดถือกันมานานปี

            สำหรับผู้เขียน มีความเห็นว่า “องค์ประกอบ ๔ ถึง” นั้น ในทุกวันนี้น่าจะไม่เพียงพอเสียแล้ว เป็นได้เพียงแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น มิได้เป็นข้อสรุปถึง ปรัชญา หรือแนวทางการสะสมพระเครื่องพระบูชา ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่า น่าจะต้องมี ๓ ขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งได้กล่าวถึงขั้นตอนแรกไปแล้วคือ “องค์ประกอบ ๔ ถึง” ต่อไปนี้จะขอกล่าวถึง ขั้นตอนที่ ๒ และ ๓ ดังนี้   

            ขั้นตอนที่ ๒ ในความคิดเห็นของผู้เขียนนั้น เมื่อมีองค์ประกอบ ๔ ถึงแล้ว เราสามารถที่จะครอบครองพระเครื่ององค์ไหนก็ได้ที่เจ้าของเปิดราคา แต่เราเคยคิดคำนึงถึง หรือเคยตั้งคำถามถามตัวเองหรือไม่ว่า ที่เราเข้ามาในวงการพระเครื่องพระบูชานั้น เรามีจุดมุ่งหมายในการเล่นพระอย่างไร นี่จึงเป็นที่มาของขั้นตอนที่ ๒ พูดได้อย่างย่อๆ คือ ๓ ด. “เป็นการเล่นพระให้ เด่น ให้ ดัง หรือเล่นให้ ดับ ”

            หากต้องการเล่นพระให้ดับ ก็ง่ายนิดเดียว คือ เล่นประเภทตาดีได้ตาร้ายเสีย เป็นการเล่นพระแบบเก๊ผสมแท้ ซึ่งเป็นการเล่นพระแบบสีเทา คนที่เล่นพระเช่นนี้ ไม่เคยเห็นใครเด่นหรือดังในทางที่ดีเลย มีแต่ค่อยๆ เสียชื่อเสียงไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ต้องจากวงการพระไปปริยาย

            ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่า เมื่อเรามีคุณสมบัติ ๔ ถึงแล้ว เราควรที่จะเล่นพระให้เด่นและดังไปเลย โดยการเล่นพระมีเสน่ห์ คือ พระสวย แท้ ดูง่าย หากเราเล่นพระเช่นนี้ตลอดไป ไม่นานนักตัวเราก็จะได้รับการกล่าวขานถึงในทางที่ดี จากปากที่หนึ่งไปสู่ปากที่สอง ไปปากที่สาม...ต่อๆ ไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น เราจะได้รับฉายาในการเล่นสะสมพระในทางที่ดีอย่างแน่นอน

            พึงสำนึกไว้เถิดว่า “ฉายาที่จะได้รับต่อไปในอนาคตนั้น มิได้มาด้วยโชคช่วย” ท่านเท่านั้นที่จะทำให้ตัวท่านเองเด่น ดัง และท่านเท่านั้นที่จะทำให้ตัวท่านดับ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใด หรือบุคคลอื่นใด ไปดลบันดาลให้ท่านได้

            หากท่านเล่นพระดี แบบมีเสน่ห์ เป็นพระสวย แท้ ดูง่าย ไม่นานนัก ท่านก็จะมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในสังคมพระเครื่องพระบูชา “เปรียบเสมือนทองคำ ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน ตกอยู่ในปรักในตม ก็ย่อมเป็นทองคำอยู่เสมอ” หรือ “ทองคำแท้ไม่แพ้ไฟ”  

            ขั้นตอนที่ ๓ ผู้เขียนคิดว่า เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด โดยส่วนมากหลายๆ ท่านมาสะดุดหยุด ณ จุดนี้ นั่นคือ “การรักษาชื่อเสียงให้คงทนถาวรยาวนาน” เพราะเมื่อท่านผ่านขั้นตอนที่ ๒ มาแล้ว ตัวท่านก็จะมีชื่อเสียงในทางที่ดี

            สำหรับบุคคลที่คิดจะเป็นเซียนพระ ยึดถือเป็นอาชีพ เงินทองก็จะไหลมาเทมา เนื่องจากบุคคลอื่นที่ต้องการได้พระ จะต้องมุ่งมาหาท่านอย่างเสมอๆ ขั้นตอนนี้จะเป็นการตัดสินว่า จะอยู่อย่างมีชื่อเสียง หรือจะจากไปอย่างคนมีมลทิน

            หากท่านไม่มีวุฒิภาวะทางปัญญาเพียงพอ นั่นคือไม่มีวินัยในทางการเงิน ไม่มีแผนการใช้จ่ายเงินที่ดี เช่นใช้จ่ายเงินเกินตัว เนื่องจากเห็นว่าเงินทองได้มาอย่างง่ายดาย ผ่อนบ้านทีละหลายหลัง ผ่อนรถยนต์หลายคัน มีกิ๊กหลายคน ย่อมทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หรือไปหลงมัวเมาในอบายมุข เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน พึงสำนึกไว้เถิดว่า กำลังคิดฆ่าตัวตาย

            เนื่องจากพระสวยๆ แท้ ดูง่าย ในเวลานี้ มิได้หาได้ง่ายๆ เหมือนกับในอดีตแล้ว ณ เวลานี้พระที่สวย แท้ ดูง่าย มีน้อยมากๆ หายากจริงๆ ในตลาดพระ เพราะนักสะสมพระเก็บไปบูชาเกือบหมดแล้ว

            เมื่อพระที่สวย แท้ ดูง่ายมีน้อย ก็จะทำให้หาเงินได้ยากขึ้น แต่ภาระหนี้สินที่ไปสร้างไว้ตามที่ต่างๆ ก็จะมาตามรังควาน เวลาหาเงินไม่ได้ ระยะเวลาหนึ่งเดือน แสนสั้นนิดเดียว เมื่อหาเงินไม่ได้ หาพระแท้ไม่ได้ ประกอบกับวุฒิภาวะทางปัญญามีน้อย  อำนาจใฝ่ต่ำจะเข้าครอบงำจิตใจทันที คือ หันมาขายพระเก๊ เนื่องจากต้นทุนต่ำ หรือไม่มีต้นทุนเลย

            โดยเอาพระเก๊ขายให้กับคนใกล้ชิดก่อน เช่น ลูกศิษย์ ที่ศรัทธาตนเอง โดยคิดว่า คนเหล่านี้ไม่รู้ คิดอย่างเดียวคือ เอาเงินมาก่อน หากมีปัญหาค่อยแก้ไขกันภายหลัง ถ้าเขารู้ก็จะค่อยคืนเงินให้ทีหลัง

            พอแก้ปัญหาเดือนนี้ไปได้ เดือนใหม่กำลังมาถึง ก็ต้องหาเงินใช้หนี้อีกแล้ว อย่าลืมว่า “คนมีเงินไม่มีใครโง่สักคน” ทุกคนจ่ายเงินเช่าพระไป จะต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะต้องเอาพระมาอวดโชว์ วันนี้เขาไม่รู้ว่าเป็นพระเก๊  แต่พรุ่งนี้เขาก็ต้องรู้อยู่ดี  เมื่อรู้แล้วเขาจะต้องเอาพระเก๊นั้นมาคืน คราวนี้จะกลายเป็นวัวพันหลัก แล้วก็ล้มลงเอง เสียทั้งชื่อเสียง หาเงินมาคืนเขาไม่ได้ ก็ต้องคอยหลบหนีเจ้าหนี้ นานวันเข้าก็ไม่กล้าสู้หน้าคน ก็ต้องออกไปจากวงการพระเครื่องพระบูชาโดยปริยาย ซึ่งมีตัวอย่างมาให้เห็นบ่อยๆ และมากมายหลายคน ทำให้เป็นที่น่าเสียดายในความรู้ความสามารถที่มี แค่ความคิดชั่ววูบทำให้เสียอนาคตไปเลย     

            ส่วนบุคคลที่มีวุฒิภาวะทางปัญญาสูง จะมีแผนการใช้จ่ายเงินที่ดี มีวินัยทางการเงิน ประกอบกับมีคุณธรรมในการเล่นพระ ย่อมไม่นำพระเก๊มาขายให้ลูกค้า ก็จะยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง อยู่ในวงการพระเครื่องพระบูชาได้ยาวนาน ชีวิตประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และร่ำรวยชื่อเสียง

            สรุปแล้ว คนเล่นพระที่จะมีชื่อเสียงและโด่งดังโดดเด่นเหนือผู้อื่นได้นั้น จะต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตนเอง และต้องมีคุณธรรมเท่านั้น ถึงจะยืนยงอยู่ได้อย่างยาวนาน

            ข้อความที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น ท่านผู้อ่านอาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างไปจากนี้ก็ได้