พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานแซม
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานแซม : พระองค์ครู โดยไตรเทพ ไกรงู
พระสมเด็จวัดระฆัง มีหลายพิมพ์ด้วยกัน แต่ที่นิยม มี ๕ พิมพ์ ได้แก่ พิมพ์พระประธาน พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์เจดีย์ พิมพ์ฐานแซม และพิมพ์ปรกโพธิ์ ทั้งนี้ พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์พระประธาน หรือ พิมพ์ใหญ่เป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาพิมพ์พระทั้ง ๕ พิมพ์
ลักษณะ พิมพ์ทรง เป็นรูปสมมติของพระพุทธเจ้านั่งในระฆังคว่ำ องค์พระแลดูนั่งเอียงไปทางขวา ปลายพระเกศสะบัดเอียงไปทางซ้าย ในบางองค์อาจทะลุซุ้มด้านบน แลเห็นหูพระด้านซ้ายเป็นแนวจางๆ ยาวลงมา ไหล่ซ้ายดูยกสูงกว่าไหล่ขวา มองเห็นปลายพระบาทยื่นเล็กน้อย ฐานขั้นล่างสุดเหมือนสี่เหลี่ยมคางหมู
มวลสาร ส่วนผสมของพระสมเด็จวัดระฆัง เกิดจากการนำหินปูนมาเผาไฟ ทุบป่นให้แตกละเอียด เหมือนแป้ง ผสมกับน้ำมันตังอิ๊วของจีน และมวลสารมงคลต่างๆ อาทิ เม็ดชาด เม็ดพระธาตุ เกสรดอกไม้แห้ง ข้าวสุก เนื้อพระสมเด็จ จึงมักมีมวลสารปรากฏให้เห็น และมักจะมีรอยปูไต่
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม เป็นพระที่ได้รับความนิยมรองมาจากทุกพิมพ์ที่กล่าวมาข้างต้น สาเหตุที่เรียกพิมพ์นี้ว่า “พิมพ์ฐานแซม” เนื่องจากมีลักษณะพิมพ์ทรงเป็นพระนั่งในระฆังคว่ำ หูเป็นแบบบายศรี มีเส้นแซมระหว่างใต้องค์พระกับฐานชั้นบนสุด และใต้ฐานชั้นบนสุดกับฐานชั้นกลาง มีเส้นแซมที่ใต้องค์พระกับฐานชั้นบนสุด และระหว่างฐานชั้นบนสุดกับฐานชั้นกลาง
ตามประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ท่านได้สร้างพระสมเด็จวัดระฆังขึ้นแจกชาวบ้านในราว พ.ศ.๒๔๐๙ หลังจากท่านได้สมณศักดิ์ “สมเด็จพระพุฒาจารย์” ได้ ๒ ปี ต่อจากนั้นประมาณ ๒-๔ ปีคือประมาณ พ.ศ.๒๔๑๑-๒๔๑๓ ท่านจึงสร้างพระสมเด็จฯ ขึ้นอีกจำนวนหนึ่งนำไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์องค์ประธานที่วัดบางขุนพรหม เรียกกันว่า “พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม”
ทั้งนี้สมเด็จพุฒาจารย์โตได้สร้างพระพิมพ์สมเด็จฯ ไว้ ๓ แห่ง คือ ๑.พระสมเด็จฯ วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร ๒.พระสมเด็จฯ วัดบางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร และ ๓.พระสมเด็จฯ วัดเกศไชโย จ.อ่างทอง
ปัจจุบันแม้แต่เศษชิ้นส่วนที่แตกหักก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้คน มีราคาเช่าหาสูงและหายาก ส่วนรูปพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม องค์ที่นำมาเป็นพระองค์ครูนั้น ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของนายสมภพ ไทยธีระเสถียร หรือ อั๊ง เมืองชล ประธานชมรมอนุรักษ์พุทธศิลปะไทย และอุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ซึ่งหากใครอยากได้ครอบครองต้องแลกด้วยเงินไม่ตำว่า ๑๕ ล้านบาทเท่านั้น