พระเครื่อง

'พระแท้เก็บไว้นานวันจะมีราคาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ''ติ นครปฐม' เสี่ยห้างทองผู้โด่งดังในวงการพระ

'พระแท้เก็บไว้นานวันจะมีราคาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ''ติ นครปฐม' เสี่ยห้างทองผู้โด่งดังในวงการพระ

02 ต.ค. 2554

'พระแท้เก็บไว้นานวันจะมีราคาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ''ติ นครปฐม' เสี่ยห้างทองผู้โด่งดังในวงการพระ : เส้นทางนักพระเครื่อง โดย ตาล ตันหยง

            วงการพระเครื่อง ทุกวันนี้มี "เสี่ย" ลูกชายห้างขายเพชรทอง เข้ามาทำธุรกิจซื้อขายพระเครื่องกันอย่างจริงจัง จนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นเซียนพระระดับแถวหน้าไปแล้วหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือ ติ นครปฐม (กิตติ จันทร์จารุวัฒน์) ลูกชายห้างเพชรทองชื่อดังในตลาดนครปฐม

            เสี่ยติ เล่าว่า "ผมรู้เรื่องพระเครื่องมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เพราะมีลูกค้าเอาพระมาเลี่ยมทองที่ร้านเป็นประจำ ส่วนใหญ่เป็นพระท้องถิ่นนครปฐม เพราะเมืองนี้มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังมากมาย ส่วนตัวผมก็มีเหรียญจิ๊กโก๋พิมพ์ใหญ่ของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ห้อยติดตัวอยู่เสมอ ต่อมาเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมที่บ้านแล้ว ผมได้ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยพณิชยการพระนคร หน้าสนามม้านางเลิ้ง (วังเก่าของเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรฯ) สมัยนั้นมีการเรียน ๒ ภาค คือ ภาคเช้ากับภาคบ่าย ผมเรียนภาคเช้า โดยนั่งรถจากนครปฐมมาเรียนแบบเช้าไปเย็นกลับ พอเลิกเรียนตอนเที่ยงแล้ว แทนที่ผมจะกลับบ้านทันที ผมก็ไปเข้าสนามพระท่าพระจันทร์ ไปเรียนรู้ดูพระเครื่องจากบรรดาเซียนพระผู้ใหญ่ อาทิ เฮียเฮง ท่าพระจันทร์ (สุรชัย ด่านประสิทธิผล) เฮียฉ่อย ท่าพระจันทร์ เฮียเล็ก ปากน้ำ ฯลฯ ซึ่งท่านก็ได้เมตตาแนะนำผมในการดูพระเป็นอย่างดี แรกเริ่มผมได้ศึกษาพระผงของขวัญหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ พร้อมกับขอแบ่งเช่าพระสายนี้เอาไว้หลายองค์ จากการศึกษาพระแท้องค์จริงบ่อยๆ โดยเฉพาะพระวัดปากน้ำรุ่นแรก ๑๑ พิมพ์ ผมจดจำจุดสำคัญต่างๆ ขององค์พระได้จนหมดสิ้น ทำให้ใจรักชอบมาทางนี้อย่างเต็มตัว"

            ตรงจุดนี้ทำให้ "เสี่ยติ" รู้ว่าพระที่เคยเช่าหาที่ผ่านมานั้น เป็นการเช่าแบบสะเปะสะปะ ไม่มีหลักการดู ไม่รู้จุดตำหนิขององค์ ส่วนใหญ่จึงได้พระเก๊มากกว่าพระปลอม เมื่อได้มาเรียนรู้จากเซียนพระตัวจริง ผู้มีคุณธรรม พระที่ได้ทุกองค์จึงล้วนเป็นพระแท้ ก็รู้สึกดีใจที่ได้ก้าวย่างบนเส้นทางนี้อย่างถูกต้อง จึงได้พยายามเรียนรู้ดูพระแท้องค์จริงอื่นๆ อีกหลากหลาย

            นับได้ว่า สนามพระท่าพระจันทร์ เป็นตักสิลาของวงการพระอย่างแท้จริง และครูคนแรกที่ให้ความรู้ในการดูพระเครื่องให้กับ "เสี่ยติ" ก็คือ เฮียเฮง ท่าพระจันทร์ (สุรชัย ด่านประสิทธิผล) นั่นเอง

            "เฮียเฮง เคยบอกผมว่า ติ มีเงินก็ซื้อไปเถอะ พระแท้เก็บไว้นานวันจะมีราคาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีทางขาดทุน ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะทุกวันนี้พระหลายองค์ที่ซื้อไว้สมัยนั้นองค์ละไม่กี่ร้อยกี่พันบาท มาถึงทุกวันนี้กลายเป็นพระหลักพันหลักหมื่นไปหมดแล้ว โดยเฉพาะพระวัดปากน้ำ ที่ผมเก็บไว้เยอะมาก ซึ่งต่อมาได้แบ่งปันให้พรรคพวกเพื่อนฝูงไปบ้าง โดยคัดเก็บเฉพาะองค์ที่สวยๆ เอาไว้เป็นพระองค์ครู เงินที่ได้จากการออกพระวัดปากน้ำไปนั้น ผมได้เอามาซื้อพระสายอื่นแทน เช่น พระหลวงพ่อโสธร เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ฯลฯ ค่อยๆ เขยิบขึ้นไปซื้อพระสมเด็จ กรุบางขุนพรหม พระปิลันทน์ พระหลวงพ่อทวด ฯลฯ แต่ละองค์ผมได้จากเซียนพระรุ่นใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่า มีการรับประกันความแท้อยู่แล้ว การศึกษาจากพระแท้องค์จริงเช่นนี้ ทำให้เรียนรู้ได้เร็วกว่าการหาซื้อพระทั่วๆ ไป ที่ไม่มีหลักประกันให้ โอกาสจะได้พระแท้ย่อมยาก เสียเงินเปล่า การซื้อพระจากคนในวงการที่เชื่อถือได้ แม้ว่าจะราคาพระอาจจะสูงไปบ้างก็ไม่ถือว่าแพง เพราะได้ของแท้ ออกเมื่อไรก็ได้กำไรเมื่อนั้น" เสี่ยติ กล่าวถึงแนวทางการสะสมพระที่ผ่านมา

            หลักการดูพระให้เป็นนั้น ถ้าหากเป็นเหรียญ ก็ต้องดูใบหน้าขององค์พระ จำให้แม่น หากไปพบเหรียญที่มีใบหน้าองค์พระที่ผิดเพี้ยนไปจากที่เคยศึกษามา ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ได้เลยว่าเป็นของปลอม ถ้าหากเป็นพระผง พระเนื้อดิน ก็ต้องดูพิมพ์ทรงองค์พระเป็นสำคัญ แล้วดูเนื้อหามวลสาร ว่าเป็นของเก่าจริงหรือไม่

            เมื่อมีดูพระได้แม่นพอสมควรแล้ว "เสี่ยติ" ได้เปิดตู้พระในห้างเพชรทองของที่บ้าน ปรากฏว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ มีคนเอาพระมาขายให้ทุกวัน ถ้าเป็นพระแท้ก็รับซื้อเอาไว้ จนเป็นที่เลื่องลือของชาวนครปฐม เพราะเสี่ยติซื้อพระให้ราคาดี

            ขณะเดียวกัน ก็มีผู้มาซื้อพระในตู้เป็นประจำ เพราะมีพระหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีหลักประกันให้ด้วยเป็น พระแท้ แน่นอน หากมีปัญหายินดีรับคืนทันที

             เสี่ยติบอกว่า "พระทุกองค์ที่ขายออกไปนั้น ยังไม่เคยมีใครเอามาคืน มีแต่ผมจะไปขอซื้อเขาคืนมามากกว่า  โดยให้กำไรงาม ก็ยังไม่มีใครยอมกันเลย"

             ต่อมา "เสี่ยติ" ได้ออกไปตระเวนหาซื้อพระตามบ้าน ทั้งใน จ.นครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง โดยส่วนหนึ่งจะมีผู้มาส่งข่าวว่า บ้านนั้นบ้านนี้มีพระจะขาย ก็จะออกไปซื้อ ทำให้ได้พระแท้พระดีที่หายากอยู่เสมอ

            เมื่อเห็นว่าการซื้อขายพระเป็นเรื่องที่ทำเป็นอาชีพหลักได้ "เสี่ยติ" จึงย้ายตู้พระจากห้างทองในตัวเมืองนครปฐม ขึ้นมาเปิดร้านพระอย่างเต็มตัวบนชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ขณะเดียวกันที่ จ.นครปฐม ก็ได้ไปเปิดร้านพระ "ชมรมพระเครื่องนครปฐม" หน้าวัดไผ่ล้อม อีกแห่งหนึ่ง

            การได้เข้ามาสู่วงการพระเครื่องในส่วนกลางอย่างเต็มตัว ประกอบกับเป็นผู้มีความพร้อมในเรื่องเงินทอง ทำให้ "เสี่ยติ" ซื้อขายพระหลักได้ทุกวัน จนได้ชื่อว่าเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้

            มาถึงจุดนี้ "เสี่ยติ" ได้ขยับขึ้นไปซื้อพระอีกระดับหนึ่ง อาทิ พระสมเด็จ วัดระฆัง ๓ องค์ (พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ และพิมพ์ฐานแซม) ๒๖ ล้านบาท มาจากรังใหญ่ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าภาคภูมิใจมาก ที่ได้เป็นเจ้าของพระสมเด็จ ๓ องค์นี้ โดยจะเก็บเอาไว้ศึกษาเป็นพระองค์ครู (จนถึงทุกวันนี้ยังไม่ได้นำภาพลงหนังสือเล่มใดมาก่อนเลย)

            ขณะเดียวกันก็ได้ซื้อ พระหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม วัดบางคลาน องค์สวยแชมป์ ในราคา ๘ ล้านบาท และพระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์ขี้ตา พิมพ์จอบเล็ก อีกหลายองค์ด้วยกัน

            "ตลอดเวลา ๓๐ ปีที่ผมอยู่ในวงการพระ ยอมรับว่ามีความสุขมากที่ได้ทำงานที่ใจรักชอบ ผมคิดว่า วงการพระจะต้องก้าวไกลไปยิ่งกว่านี้ เพราะวงทุกวันนี้การเล่นพระมีมาตรฐานมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีคนรุ่นใหม่หันมาสนใจสะสมพระเครื่องกันมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ใจกล้าที่จะซื้อพระหลักกันมากขึ้น แม้ว่าจะมีราคาแพงแค่ไหนก็ตาม เพราะมีสื่อที่ให้ความรู้ในการดูพระได้เป็นอย่างดี มีหนังสือมีตำราพระ ที่ลงภาพพระอย่างชัดเจนสวยงาม สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นพระแท้ เป็นพระสวยสมบูรณ์ ไม่ชำรุดอุดซ่อม และที่สำคัญคือ ผู้ขายมีหลักประกันให้ด้วยว่าเป็นพระแท้แน่นอน หากมีปัญหาก็ต้องคืนพระคืนเงินทันที ถ้าวงการพระมีมาตรฐานเช่นนี้ไปตลอด อนาคตวงการพระสดใสแน่นอน" เสี่ยติ กล่าวในตอนท้าย