
ยันต์บนเหรียญพ่อท่านคล้อยแห่งเขาอ้อ
ยันต์บนเหรียญพ่อท่านคล้อย อโนโมกับ...ตำนานไสยเวทย์แห่ง "สำนักตักกสิลาเขาอ้อ" : ชั่วโมงเซียน โดย อ.โสภณ
เหรียญรุ่น "มหายันต์ มหามงคล" ของพระครูพิพิธวรกิจ หรือพ่อท่านคล้อย อโนโม วัดภูเขาทอง ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ถือว่าเป็นอีกเหรียญหนึ่งที่รวบรวมยันต์ของ "สำนักตักกสิลาเขาอ้อ" จ.พัทลุง สำนักไสยเวทย์แดนใต้อันโด่งดังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สำหรับอักขระเลขยันต์ตามสูตรสายเขาอ้อ ที่ปรากฏบนเหรียญรุ่นดังกล่าว เช่น ยันต์พระนอโมธงชัย, ยันต์พระปิติ ๑๐ พระองค์ ยันต์พระพิชัยสมบัติ, ยันต์มงคลจักรวาล ฯลฯ และลง นะตามสูตรเขาอ้อ เช่น นะไม้บรรทัด พระพุทธเจ้า, พระธรรมคุณ, พระสังฆคุณ, นะพระนอโม, นะปราบทวีป, นะลือชา, นะมงคล ฯลฯ ลงพระยันต์ ๑๐๘ พระยันต์, ลงยันต์ปถมัง ๑๔ นะ ฯลฯ
เอกลักษณ์ของสำนักตักกสิลาเขาอ้ออันที่เป็นรู้จักและเลื่องลือ คือ การแช่น้ำว่าน และการกินเหนียวกินมัน แต่ถ้าเป็นเรื่องอักขระเลขยันต์ คือ วิชา “นอโม” นี้ เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์โดยเฉพาะในภาคใต้ คือ สำนักตักกสิลาเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัยยังรุ่งเรือง แม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวกนอโมนี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ
ในการลงยันต์ของของสำนักตักกสิลาเขาอ้อ บทปริกรรมหนึ่งที่ใช้ คือ “นอ โม พุ ทอ ธา ยอ สิ ทอ ทม ออ อา อิ อี อึ อื อุ อู ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ เอ แอ ไอ ใอ โอ เอา อำ อะ ๚” โดยมีอุปเท่ห์ ว่า นอโม นี้ คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาพเหลือคณานับโดยไม่ต้องว่าคาถายาว ๆ แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม คำว่า “นอโม” ของสำนักตักกสิลาเขาอ้อ น่าจะมาจากคำว่า “นะโม” ซึ่งเป็นบทคารวะพระพุทธเจ้า ที่กล่าวไว้เช่นนี้เนื่องจากในบทคารวะครูหนังตะลุง และครูมะโนรา จะใช้คำขึ้นต้นว่า “นอโม” ในการว่าการคาถาเปิดโรงหนังตะลุง และมะโนราเสมอ
ตำนานแห่งพุทธคมแห่ง "สำนักตักกสิลาเขาอ้อ" อันโด่งดัง มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับ อ.ทองเฒ่า หรือ พระครูสังขวิจารณ์ฉัตรฑัณบรรพรรต อดีตเจ้าสำหนักและปรมาจารย์แห่งเขาอ้อ เล่าว่า มีช้างอยู่ที่วัดเขาอ้ออยู่เชือกหนึ่งซึ่งปกติจะออกมาหา อ.ทองเฒ่า เป็นประจำจนกลายช้างของวัด อยู่มาวันหนึ่งลูกศิษย์ถามว่า “ช้างของหลวงพ่อหายไปไหน” อ.ทองเฒ่า ตอบว่า “กูเอากะลาครอบไว้ ถ้ามึงอยากเห็นก็เปิดกะลา” เมื่อลูกศิษย์เปิดกะละออก ปรากฏว่า อยู่ๆ ก็มีช้างเดินอยู่หน้าวัด เรื่องนี้เป็นตำนานทีเล่าต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้มีเรื่องเล่าอีกว่า ลูกประคำขอ อ.ทองเฒ่า ได้ฟาดไปถูกต้นไม้ ปรากฏว่า ต้นไม้ดังกล่าวร้าวไปทั้งต้น ซึ่งทั้ง ๒ เรื่อง ได้สืบเล่ามาจาก พระอาจารย์ทอง วัดดอนสะท้อน อ.สวี จ.ชุมพร เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ อ.ทองเฒ่า ทั้ง ๒ ตำนาน เป็นการแสดงอภินิหารให้ลูกศิษย์ได้ชมบารมี เช่นเดียวกับเรื่องเล่าของพระอาจารย์ทอง วัดดอนสะท้อน เสกกรรไกรขึ้นหมากได้ ให้ลูกศิษย์ไปเก็บหมากมาเลยโดยไม่ต้องขึ้นต้นหมาก
ทั้งนี้ มีอยู่ครั้งหนึ่งปรากฏมีก้อนหินขนาดใหญ่ขวางกั้นแม่น้ำสวีหนุ่ม ทำให้เรือไม่สามารถล่อผ่านแม่น้ำนี้ได้ หลวงพ่อทองได้เสกปูนกากบาทหินแล้วใช้ด้านโยนหมากเคาะ ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน ฟ้าผ่าแก่งหินนั้นออกไปได้ โดยไม่ต้องขุด จากนั้นเรื่องก็ล่องได้สะดวกจนถึงทุกวันนี้
สำหรับหลักฐานที่ยืนยันความเข้มขลังของพุทธคมแห่งสำนักตักกสิลาเขาอ้อ คือ สะพานโค้งสวีหนุ่ม ที่สร้างข้ามแม่น้ำสวีหนุ่ม เป็นสะพานโค้งเดียวทางรถไฟที่ยาวที่สุดใน ประเทศไทย ซึ่งไม่มีเสาค้ำระหว่างใต้สะพาน ความยาวของสะพาน ๘๑๐ เมตร หมอนคอนกรีต ๑๖๒ อัน และมีะพานเบี่ยงสำหรับคนเดินสร้างโดยรัฐบาลญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ หากใครนั่งรถไฟสายใต้ต้องข้ามสะพานนี้ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้ถูกเครื่องบิน ฝ่ายพันธมิตร โยนระเบิดใส่หลายครั้ง เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของทหารญี่ปุ่น แต่ไม่ถูกตัวสะพานเลยสักครั้งเดียว กลับไปลงที่ว่าการอำเภอสวี โดนระเบิดทำลายไม่เหลือซาก ปัจจุบันยังปรากฏหลุมระเบิดอยู่
เล่ากันว่า พระอาจารย์ทองเขียนผ้ายันต์ไปบรรจุไว้ที่หัวสะพานทั้ง ๒ ด้าน นอกจากนี้ยังมีโรงสีแห่งหนึ่งของ นายฮก บุญสมบัติ เจ้าของโรงเรียนบุญสมบัติวิทยา ลูกระเบิดก็ไม่สามารถทำลายโรงสีได้ เพราะได้แขวนพระยันต์หลวงพ่อทองไว้บนหลังคาโรงสี รวมทั้งเมื่อครั้งที่สมัยจระเข้ชุกชุมเพราะไม่เรื่อผ่าน (สมัยเดียวกับไอ้ด่างบางมุด) จระเข้ที่ผ่านหน้าวัดดอนสะท้อนกลับไม่อ้าปากไล่กัดคนเหมือนที่อื่นๆ
ในทางวิทยาศาสตร์ อธิบายว่า เหตุที่สะพานแห่งนี้รอดจากถูกเครื่องบิน ฝ่ายพันธมิตร โยนระเบิดใส่ หลายครั้ง เพราะบริเวณก่อสร้างสะพานนั้นแม่น้ำคลองสวีหนุ่ม ก็หักโค้ง (ฟุ้งน้ำ) ก่อนถึงสะพานทั้งทิศตะวันออก และทิศตะวันตกของสะพาน เมื่อเครื่องบิน บินตามแนวทางรถไฟ พอจะถึงสะพานหักแนวไม่ทัน ส่วนทางคลองสวีหนุ่มก็เช่นกัน ชาวบ้านเล่าว่า เครื่องบิน ดำหมี่ เปลี่ยนเส้นทางใหม่โดยยึดแนวลำคลองสวีหนุ่ม พอบินใกล้จะถึงสะพานหักโค้งตามลำคลองไม่ทัน เลยโยนระเบิดพลาดทุกที ซึ่งทำให้ระเบิดไปตก ที่อื่นหมดทุกลูก
พ่อท่านคล้อย ศิษย์สายเขาอ้อ
พ่อท่านคล้อย อโนโม เป็นศิษย์สายเขาอ้อสายตรงของแท้ โดยท่านเป็นหลานของ พระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา ซึ่งได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาสายเขาอ้ออย่างลึกซึ้งถึงแก่นแท้ของศาสตร์วิชา ของพ่อท่านทองเฒ่า, พ่อท่านเอียด, พ่อท่านปาน, อย่างเต็มที่ผนวกกับความ ตั้งใจศึกษาสรรพศาสตร์อย่างเต็มที จึงทำให้พ่อท่านคล้อยเป็นผู้คงแก่เรียน และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์รูปหนึ่ง
พ่อท่านคล้อย “เกิดเมื่อวันที่ ๒ ก.พ.๒๔๗๒ปัจจุบันอายุ ๘๓ ปี พรรษา ๖๑ นามเดิมว่า นายคล้อย ทองโอ่ โยมบิดา ชื่อ นายแสงโยมมารดา ชื่อ นางเอียด เกิดที่บ้านมะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑ มี.ค.๒๔๙๓ ที่วัดควนปันตาราม โดยมี พระครูรัตนากิรัตเป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเจิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูกาชาต (บุญทองเขมทัตโต) วัดดอนศาลา เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ปัจจุบันของวัดภูเขาทอง เจริญรุ่งเรืองถาวรวัตถุเสนาสนะได้รับการดูแลรักษาโดย พ่อท่านคล้อย อโนโม อีกทั้งท่านยังมีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนาชุมชนด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และยังได้สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนทุกๆ ปี อีกด้วย