ศีลข้อ๑ไปถึงไหน ?
ศีลข้อ๑ไปถึงไหน ? : ปุจฉา -วิสัชนา กับพระไพศาล วิสาโล
ปุจฉา : กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ ดิฉันมีข้อสงสัยเกี่ยวกับศีลข้อที่ ๑ คือว่า ตอนนี้ดิฉันอาศัยอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือ ซึ่งจะมีฤดูร้อนเพียงปีละ ๒-๓ เดือน และฤดูหนาวอย่างน้อย ๖ เดือน เมื่อปีที่แล้ว สามีของดิฉันเริ่มทำฟาร์มแบบนิเวศวิทยา (ecologic farm) มีแกะทั้งหมด ๑๖ ตัว เราเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ และให้การดูแลใส่ใจพวกเขาอย่างดีที่สุดจนกระทั่งวันสุดท้ายของพวกเขา สามีดิฉันลงมือฆ่าลูกแกะทุกตัวด้วยตัวเอง เขาใช้ปืนไรเฟิลจ่อที่หัวของแกะในขณะเดียวกันกับการป้อนอาหาร ชีวิตแกะจากไปภายในพริบตา ไม่มีอาการดิ้นรนต่อสู้หรือแสดงให้เห็นความทุกข์ใดๆ เราได้ทำการบันทึกเหตุการณ์ด้วยการถ่ายภาพเก็บไว้ ปรากฎว่า แกะทุกตัวจากไปด้วยความสงบ เราขายเนื้อแกะให้แก่เพื่อนบ้านและบางส่วนก็เก็บไว้กินเอง ซึ่งตามกฎหมาย สัตว์จะต้องถูกส่งไปที่โรงฆ่า และเนื้อก็จะถูกขายในท้องตลาด แต่กระนั้นดิฉันก็ยังไม่สามารถกินเนื้อแกะได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
จากเหตุการณ์นี้ ดิฉันพูดกับสามีว่า : พวกเขา(แกะ) ไม่ได้ตายนะ จริงๆ แล้ว มันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงสภาพ (transform) เท่านั้น สามีดิฉันก็พูดติดตลกว่า :ใช่ พวกเขา (แกะ) ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตัวพวกเราแล้ว
อย่างไรก็ดี ดิฉันมีความเห็นว่า การกินเนื้อสัตว์ที่หาซื้อจากท้องตลาด หรือซูเปอร์มาร์เก็ต กับการฆ่าสัตว์ที่เลี้ยงไว้เอง น่าจะบาปไม่ต่างกัน การกินเนื้อสัตว์ที่ซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ต ต้องผ่านการขนส่งมากกว่าหนึ่งต่อ, การบรรจุหีบห่อ (ที่นี่อาหารเกือบทุกอย่างจะถูกแพ็กด้วยพลาสติก) และแรงงาน ซึ่งนั้นจะมีการใช้พลังงานมากกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันสำหรับยานยนต์ พลาสติก ไฟฟ้า เป็นต้น หลวงพ่อมีความคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่ดิฉันกับสามีกระทำบ้างคะ ดิฉันคิดเข้าข้างตัวเองใช่ไหมคะ ดิฉันขออโหสิกรรมหากดิฉันใช้ถ้อยคำไม่ถูกต้อง และขอกราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าล่วงหน้าค่ะ
วิสัชนา : การฆ่าสัตว์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากมีเจตนาที่จะฆ่า ย่อมเป็นการผิดศีลข้อที่ ๑ ส่วนการกินเนื้อสัตว์ที่ซื้อจากตลาดนั้น ไม่ได้เกิดจากเจตนาที่จะฆ่า ย่อมไม่ถือว่าผิดศีล แต่สามารถบอกได้ว่า เป็นการส่งเสริมให้มีการฆ่า (เพื่อนำมาขาย) อย่างไรก็ตามในแง่ของเจตนา ย่อมเบากว่าการฆ่าสัตว์หรือการสั่งให้ฆ่า
ส่วนการพูดว่าสัตว์นั้นไม่ได้ตาย เป็นแต่เปลี่ยนสภาพไป ถ้าพูดในแง่ปรมัตถสัจจะ ก็ไม่ถือว่าผิด แต่ผิดแน่หากพูดในแง่สมมติสัจจะ และปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเราส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่อยู่ในโลกแห่งสมมติสัจจะทั้งนั้น คือยังเห็นว่ามีเกิดและตาย และยังกลัวตายอยู่ จำเพาะคนที่เข้าถึงปรมัตถธรรมแล้วเท่านั้น จึงเห็นว่าไม่มีเกิดไม่มีตาย และไม่รู้สึกเสียใจกับการตายของใครแม้กระทั่งคนรัก เพราะมองว่าเป็นแค่การเปลี่ยนสภาพไปตามเหตุตามปัจจัย
แต่ตราบใดที่เรายังไม่สามารถมองเห็นการตายของคนรักว่าเป็นแค่การเปลี่ยนสภาพ การพูดว่าแกะเป็นแค่เปลี่ยนสภาพไป ก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น
อาตมาเห็นใจที่คุณและสามีจำต้องฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร เนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับ ชาวพุทธในหลายพื้นที่เช่น ชาวทิเบตก็มีความจำเป็นต้องฆ่าสัตว์เป็นอาหารเช่นกัน เนื่องจาก ปลูกผักได้ยากมาก แต่หากจะต้องฆ่าสัตว์ ควรฆ่าเท่าที่จำเป็น และใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า คนไทยสมัยก่อนจะหลีกเลี่ยงการฆ่าสัตว์ใหญ่ (เช่น วัว ควาย หมู) แต่หันมาพึ่งพาสัตว์เล็กแทน เช่น ปลา กุ้ง อันนี้ก็เป็นความพยายามที่จะทำบาปให้น้อยที่สุด