ยันต์หลวงปู่รุ่งกับยันต์พระอาจารย์อุเทน | คมชัดลึก

                  พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร หรือพระอาจารย์อุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ตำบลท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แม้จะเป็นพระหนุ่มที่มีอายุน้อยแต่ท่านมีลูกศิษย์ตลอดจนผู้ที่ศรัทธามากมาย ตั้งแต่บุคคลสามัญทั่วๆ ไป เหล่าศิลปินนักร้องดารา นักธุรกิจข้าราชการ ไปจนถึงนักการเมืองระดับชาติ
   
               หลายคนสงสัยว่าท่านมีดีอะไรและเป็นผู้สืบทอดวิชาของหลวงปู่รุ่งได้อย่างไร ตามประวัติของท่านนั้นท่านเข้าอุปสมบทที่วัดท่ากระบือเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๐ โดยมี พระครูสิริสาครธรรม เจ้าอาวาสวัดท่ากระบือเป็นพระอุปัชฌาย์ โดยท่านมีความตั้งใจที่จะอุปสมบทเพียงแค่ ๗ วัน เพื่อให้มารดาซึ่งป่วยหนักด้วยโรคมะเร็งและกำลังจะเสียชีวิตได้เห็นชายผ้าเหลือง
   
               เมื่ออายุ ๑๙ ปี นั้นพระอาจารย์อุเทน ตั้งใจว่าจะบวชเพียง ๗ วัน และว่าจะบวชที่วัดใกล้บ้านแล้วก็จะสึก แต่ป้าบอกว่าถ้าบวชใกล้บ้านเกรงว่าจะอยู่ไม่ได้นานเพราะพระอาจารย์เป็นคนมีเพื่อนเยอะจึงให้มาบวชที่วัดท่ากระบือนี้ เพราะป้าสนิทกับเจ้าอาวาสที่นี้ เมื่อครบ ๗ วัน กำลังจะสึก น้องสาวก็โทรมาบอกว่าโยมแม่กำลังจะจากเราไปแน่แล้ว ตอนนั้นแม่อยู่ในห้องไอซียู ที่โรงพยาบาล อาการหนักมาก เรียกว่าไม่ไหวแล้วพระอาจารย์เสียใจมาก ร้องไห้อยู่นาน ๒-๓ ชั่วโมง พอดีช่วงนั้นที่วัดมีงาน มีคนเยอะมากพระอาจารย์จึงเดินเลาะเรียบชายแม่น้ำไปหาหลวงปู่รุ่งที่รูปปั้นของท่านแล้วจุดธูปอธิษฐานว่า
   
               "หากหลวงปู่รุ่งศักดิ์ศิษย์จริงอย่างที่เขาร่ำลือกัน ก็ขอให้แม่ฟื้น ขอให้อยู่ต่อได้อีก ๓ ปี แล้วพระอาจารย์จะบวชต่อให้อีก ๓ พรรษา ก็คือเท่ากับขออายุของแม่จากท่านไว้ ๓ ปี นั่นเอง" โดยคำอธิษฐานนั้นได้บอกว่า ให้ทอนอายุของตัวพระอาจารย์ลงไปกี่ปีก็ได้เพื่อเป็นการแลกอายุแม่ และในการที่ขอหลวงปู่รุ่งนั้น พระอาจารย์อธิษฐานไปว่า "หลวงปู่รุ่งอยากจะให้อะไรก็ได้จะทำให้ทุกอย่างขอเพียงให้แม่ฟื้นเท่านั้น" สิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งอีกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ "นับจากวันที่อธิษฐานขอแม่ของพระอาจารย์อยู่ต่อมาได้ครบ ๓ ปีพอดี ไม่ขาดไม่เกิน"
   
               พระครูปลัดอุเทน เรียนทำยันต์จันทร์เพ็ญจากตำราเก่าของหลวงปู่รุ่ง ในตำรานั้นมี ๒ แบบ คืน ๑.ทำในคืนจันทร์เพ็ญเดือน ๑๒ หรือวันลอยกระทง ซึ่งปีหนึ่งมีเพียงวันเดียวเท่านั้น และ ๒.ทำในวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ที่ตรงกับวันพระลงสวดปาฏิโมกข์
   
               ขณะเดียวกันเมื่อสร้างวัตถุมงคลท่านจึงนำยันต์ที่หลวงปู่รุ่งเคยใช้มาลงไว้ด้านหลังของวัตถุมงคลทุกรุ่น เช่น ยันต์บารมี ๓๐ ทัศ ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า หัวใจนวหรคุณ หัวใจพระรัตนตรัย หัวใจพาหุง พระเจ้า ๕ พระองค์ เป็นต้น
   
               ยันต์บารมี ๓๐ ทัศ ซึ่งเป็นพระคาถาที่สืบเนื่องมาจากพระพุทธศาสนา พุทธคุณดีทุกทาง ทั้งนี้มีอยู่ ๔ วรรค คือ ๑.อิ ติ ปา ระ มิต ตา ตึง สา (คำบารมี ๓๐ ทัศ บาทแรก) ๒.อิ ติ สัพ พัญ ญู มา คะ ตา (คำบารมี ๓๐ ทัศ บาทที่ ๒) ๓.อิ ติ โพ ทิ มะ นุป ปัตโต (คาถาบารมี ๓๐ ทัศ บาทที่ ๓) ๔.อิ ติ ปิ โส จะ เต นะโม (คาถาบารมี ๓๐ ทัศ บาทที่ ๔)
   
               ยันต์หัวใจพระรัตนตรัย ที่ว่า “อิ สวา สุ” ซึ่งย่อมาจาก พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ก็ใช้ยันต์ตัวนี้ในการบริกรรมเสกวัตถุมงคล โดยบริกรรมควงกัน ๓ บท คือ “อิ สวา สุ สุ สวา อิ สวา สุ อิ” กลายเป็นพระคาถาคุ้มกันภัย
   
               อิ มาจากบทพระพุทธคุณ ๕๖ คือ อิติปิโส....
   
               สวา  มาจากบทพระธรรมคุณ ๓๘  คือ สวาขาโต....
   
               สุ  มาจาก บทพระสังฆคุณ ๑๔  คือ สุปะฎิปัณโน....    
   
               รวมกันคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์แห่งพระรัตนตรัย และรวมคุณแห่งเลข ก็จะได้ ๑๐๘ เท่ากับบทอิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘  ๑.นะโม พุท ธา ยะ (พระเจ้า ๕ พระองค์) กึ่งกลางเหรียญ เขียนซ้อนในลักษณะคล้ายๆ ยันต์พุทธซ้อน แต่เป็นคนละยันต์ พุทธใช้ตัว พุทธเขียนซ้อนกัน ๓ ตัว ต้นตำรับเป็นของสังฆราชแพวัดสุทัศน์ฯ
   
               ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า ที่ว่า "อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ" มีสรรพคุณคุ้มครองอันตรายจากอาวุธทั้งปวง ภาวนาทุกวันมิตกนรกเสกน้ำล้างหน้าทุกวันกันโรคภัยไข้เจ็บคุณไสยทั้งมวล คาถานี้อานุภาพสูงส่งมาก มีอยู่ในตำราพิชัยสงครามใช้ได้สารพัด กำบังได้ แคล้วคลาดได้ขับผีได้ แก้อาถรรณ์ต่างๆ ก็ได้
   
               ยันต์หัวใจตรีเพชร ที่ว่า "มะ อะ อุ" เรียกอีกชื่อว่า จะพบในรูปแบบอักขระขอม อยู่ในพระเครื่องเสมอๆ และบ่อยครั้งจะพบว่า นะ ร่วมอยู่ในกลุ่มด้วย เป็น นะมะอะอุ โดยแต่ละตัวมีความหมายดังนี้
   
               มะ เป็นตัวแทน พระพุทธ มาจาก มนุสสานํ พุธ์โธ ภควาติ
   
               อะ เป็นตัวแทน พระธรรม มาจาก อกาลิโก เอหิปัส์สิโก โอปะนะยิโก
   
               อุ เป็นตัวแทน พระสงฆ์ มาจาก อุชุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ
   
               ยันต์หัวใจธาตุ ๔ ที่ว่า นะ มะ พะ ทะ  คือ น้ำ ดิน ไฟ ลม
      
               ยันต์ธาตุพระกะระณี ที่ว่า "จะ พะ กะ สะ" ซึ่งมักใช้ คู่กับ หัวใจธาตุ ๔ และ พระเจ้า ๕ พระองค์ รวมเรียกเป็นคาถาหัวใจ ๑๐๘ โดยเริ่มจาก "นะโม พุท ธา ยะ นะ มะ พะ ทะ จะ พะ กะ สะ"



หัวใจเศรษฐีคาถาที่ต้องท่องและทำ
   
               "ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์" หัวข้อธรรมนี้หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าพูดถึง คาถาหัวใจเศรษฐีที่ "อุ อา กะ สะ" คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี และคาถาบทนี้เป็นคาถาที่พระอาจารย์อุเทน ใช้เขียนหรือจารลงบนวัตถุมงคลให้กับลูกศิษย์ และเป็นหัวข้อธรรมที่ท่านมักแนะนำให้ลูกศิษย์ท่องและทำตาม โดยท่านรับรองว่า "หากใครทำได้ฐานะดีขึ้นแน่นอน!"
   
               สำหรับความหมายของยันต์แต่ละตัวนั้น พระอาจารย์อุเทน ได้อธิบายให้ฟังว่า
   
               อุ ย่อมาจากคำว่า อุฏฐานสัมปทา แปลว่า ให้ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียรในการแสวงหาความรู้ หนักเอาเบาสู้ในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย กิจการทั้งหลายต้องรู้จักรับผิดชอบ ทำงานทุกชนิดอย่างจริงจังตั้งใจ งาน คือ ชีวิต ชีวิต คือ งานบันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน   
   
               อา ย่อมาจากคำว่า อารักขสัมปทา แปลว่า ให้ถึงพร้อมด้วยการรักษาคุ้มครองทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้ด้วยความขยัน หมั่นเพียร ไม่ให้เงินทองรั่วไหลมีอันตราย ระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมิให้เปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ ตลอดจนรักษาหน้าที่การงานของตัวเองไม่ให้เสื่อมเสีย ขอให้ยึดหลักการเก็บเล็กผสมน้อยหรือการเก็บหอมรอมริบ ซึ่งล้วนเป็นขบวนการเก็บรักษาทรัพย์สินเงินทองที่ ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง
   
               กะ ย่อมาจากคำว่า กัลยาณมิตตตา แปลว่า การมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว เพราะคบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล คบคนจึงต้องดูหน้าว่าเพื่อนเป็นคนดีที่มีลักษณะไม่เป็นคนปอกลอก ไม่ดีแต่พูด ไม่หัวประจบและไม่เป็นคนชักชวนไปในทางฉิบหาย มีการดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน มั่วเมาในการเล่นและผีการพนันเข้าสิงจิตใจ
   
               สะ ย่อมาจากคำว่า สมชีวิตา แปลว่า การเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้ รู้จักกำหนดรายรับและรายจ่าย อย่าให้สุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยหรืออัตคัดขัดสนจนเกินไปให้รู้จักออมเงิน ออมเงินเอาไว้ ฉุกเฉินเมื่อไรจะได้ใช้เงินออม