พระเครื่อง

พระสมเด็จเหนือหัวตำนานลือลั่น'เสี่ยอู๊ด'

พระสมเด็จเหนือหัวตำนานลือลั่น'เสี่ยอู๊ด'

19 พ.ย. 2555

พระสมเด็จเหนือหัวตำนานและผลงานสร้างพระอันลือลั่นของ'เสี่ยอู๊ด' : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ ประเสริฐ เทพศรี

               "พระกริ่งจอมไทย พระกริ่งจักรพรรดิ พระพุทธโสธร (เหรียญนามสกุล) พระพุทธชินราชหมื่นยันต์ พระกริ่งหลวง ๗๖ จังหวัด พระหลวงพ่อเงิน (รุ่นทรงเจริญ) พระพุทธชินราช (เหรียญแม่) สร้างอาคารปฏิบัติการรังสีวินิจฉัย ๖ ชั้น และซื้อเครื่องเอ็มอาร์ไอ ให้ศูนย์มะเร็ง จ.ลพบุรี รวม ๑๓๑ ล้านบาท
    
               ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นผลงานการสร้างพระของนายสิทธิกร บุญฉิม หรือ “เสี่ยอู๊ด” ประธานบริษัท ไดมอนด์ฮิลล์ จำกัด แต่ผลงานหนึ่งที่เขาต้องจำไปตลอดชีวิตและต้องใช้กรรมอยู่ในเรื่อนจำถึง ๕ ปี คือ "การจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว" เพื่อหาทุนก่อสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ขึ้น ณ วัดโสดาประดิษฐาราม อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑
    
               ปฐมบทการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวเริ่มจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์แห่งพระบาทสมเด็จพระอัฏฐมรามาธิบดินทร์รัชกาลที่ ๘ ได้มีมติข้อ ๖.๓ เรื่องการสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ มีบันทึกในรายงานการประชุมฉบับจริงที่ถูกจัดเก็บไว้ที่สำนักงานเขตพระนครว่า  “ประธานแจ้งว่าในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระอัฏฐมรามาธิบดินทร์  (ร.๘) เสด็จสวรรคตครบ ๖๐ ปี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙)  ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เห็นสมควรให้มูลนิธิจัดโครงการก่อสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ขึ้น ณ วัดโสดาประดิษฐาราม คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า ๑๐๐ ล้านบาท โดยจะสร้างพระสมเด็จมอบให้ผู้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ ส่วนการดำเนินการประธานรับว่าจะหาผู้มีประสบการณ์และชำนาญการในเรื่องนี้มาดำเนินงานแทนมูลนิธิทั้งสิ้น”
    
               การนั้นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้ลงนามในเอกสารขอความอนุเคราะห์จาก เสี่ยอู๊ด ให้เป็นผู้ดำเนินการออกทุนทรัพย์จัดสร้างและทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการพระสมเด็จเหนือหัวแทนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ โดยข้อความในเอกสารของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ระบุแจ้งเสี่ยอู๊ดว่า “พระสมเด็จเหนือหัวจัดสร้างจากดอกไม้พระราชทานเครื่องบูชา กัณฑ์เทศน์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี” พร้อมทั้งมีเอกสารถึงราชเลขาธิการ  
    
               เรื่องขอพระบรมราชานุญาตใช้สถานที่จัดพุทธาภิเษกพระสมเด็จเหนือหัวในเอกสารได้ระบุแจ้งเรื่องการสร้างอุโบสถ สองกษัตริย์ของมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ โดยการสร้างพระสมเด็จเหนือหัวจากดอกไม้พระราชทานเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และแจ้งการให้ความหมายนามพระสมเด็จเหนือหัวเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การนั้นสำนักราชเลขาธิการได้ลงรับเอกสารของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ไว้เลขที่ ๑๔๕๑๐ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๐ เวลา ๑๕.๔๔ น.
    
               การสร้างพระสมเด็จเหนือหัว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ได้มีเอกสารถึงวัดต่างๆ ๓๐,๐๐๐ แห่งทั่วประเทศ เพื่อขอผงพุทธคุณ ผงธูป ดอกไม้แห้ง พระยันต์ใบลานเก่า พระเครื่องเก่าๆ จากวัดต่างๆ พร้อมทั้งประกาศผ่านหนังสือพิมพ์เปิดรับบริจาคผงศักดิ์สิทธิ์จากพุทธศาสนิกชนทั่วไป  เพื่อนำมาบดผสมกับดอกไม้พระราชทานเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์และผงปูนหอยที่พระเถราจารย์ทุกอำเภอทั่วประเทศ ๗๘๐ รูป อธิษฐานจิตแล้วโดยได้นำเข้าพิธีปลุกเสกมีพระเกจิอาจารย์ดังทั่วประเทศอธิษฐานจิตเป็นปฐมฤกษ์ ณ พระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตารามเป็นวาระแรก
    
               จากนั้นได้นำผงพุทธคุณต่างๆ นับหมื่นชนิดไปจัดสร้างเป็นองค์พระสมเด็จเหนือหัว พิมพ์มงกุฎใหญ่ ๕ สี สีละ ๕๐๐ องค์ ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีชมพู สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้เจิม พระสมเด็จพิมพ์มงกุฎใหญ่ ณ พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม
    
               เมื่อจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวพิมพ์มงกุฎใหญ่ มงกุฎเล็กและมงกุฎคู่  เสร็จแล้ว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้ขออนุญาตวัดระฆังโฆสิตาราม  ประกอบพิธีพุทธาภิเษกพระสมเด็จเหนือหัวทั้ง ๕ สี มีพระสงฆ์ร่วมพิธี ๑,๐๐๐ รูป จากนั้นได้นำพระสมเด็จเหนือหัว สีต่างๆ ไปประกอบพิธีสมโภช ณ พระอารามหลวง แต่ละภาคดังนี้
    
               ๑.พระสมเด็จเหนือหัว (สีขาว) วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ๒.พระสมเด็จเหนือหัว (สีฟ้า) วัดพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ๓.พระสมเด็จเหนือหัว (สีชมพู) วัดใหญ่อินทราราม จ.ชลบุรี ๔.พระสมเด็จเหนือหัว (สีเหลือง) วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ และ ๕.พระสมเด็จเหนือหัว (สีเขียว) วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จ.นครพนม ปัจจุบันพระสมเด็จเหนือหัวจึงเป็นพระเครื่องที่หายาก รวมทั้งพระสมเด็จเหนือหัว ยังเป็นพระเครื่องที่มีประวัติการสร้างที่เกิดเป็นคดีความอันโด่งดังกับคนดังแห่งวงการพระเครื่องเมืองไทย
    
               จากนั้นวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศได้บูชาพระสมเด็จเหนือหัว ทำให้เกิดกระแสศรัทธาพระสมเด็จ ๕ สี ๕ ภาคอย่างถล่มทลาย กระแสดังได้ไม่นาน เกิดข่าวอึกทึกครึกโครมโจมตีว่าการสร้างพระสมเด็จเหนือหัวแอบอ้างใส่ดอกไม้พระราชทาน ซึ่งตามคำพิพากษาได้ระบุไว้ว่า สำนักราชเลขาธิการได้มีเอกสารแจ้งกระทรวงยุติธรรมให้พิจารณาดำเนินคดี ในตอนนั้นทำให้สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และกรรมการมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ได้ให้การกับพนักงานสอบสวนปฏิเสธการดำเนินงานจัดสร้างและซักทอดถึงเสี่ยอู๊ด เพียงผู้เดียวทำให้ถูกจับดำเนินคดีทันทีในเวลาต่อมา และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๑
    
               ในชั้นสอบสวนนายสิทธิกร กลับไม่ยอมเปิดเผยเอกสารสั่งการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการแทนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ และไม่ยอมให้การซักทอดความผิดแก่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ภายหลังศาลอาญา (ชั้นต้น)  มีคำพิพากษาตัดสินให้นายสิทธิกร แพ้คดีติดคุก ๕ ปี โดยปัจจุบันเสี่ยอู๊ดยังถูกจองจำอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ผ่านมาเกือบ ๕ ปี เพื่อรอคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเหลือเพียงอีก ๗ เดือนก็จะครบกำหนด ๕ ปี


คำพิพากษาและเงินเช่าพระ

               ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจจากคำพิพากษาคดีการสร้างพระสมเด็จเหนือหัว เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า “การที่จำเลยโฆษณาว่าสร้างพระสมเด็จเหนือหัวเป็นการสร้างในนามมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และจะนำรายได้จากการจำหน่ายไปก่อสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ตามที่จำเลยเข้าใจ จึงมิใช่เป็นการหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ”
    
               อย่างไรก็ตามเดิมวัตถุประสงค์จากเงินพระสมเด็จเหนือหัวไม่ได้จะสร้างแค่อุโบสถสองกษัตริย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเตรียมสร้างโรงเรียนวัดโสดาประดิษฐารามในที่ดินแห่งใหม่ ซึ่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้นำเงินที่นายสิทธิกรถวายให้วัดสุทัศนเทพวรารามจัดงานสมโภช ๒๐๐ ปี  จำนวนกว่า ๙ ล้านบาทไปจัดซื้อที่ดินไว้แล้ว ๑๒ ไร่ หลังจากนายสิทธิกรถูกจับกุมและติดคุกแล้ว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถึงกับป่วยอาพาธหนักเป็นอัมพฤกษ์ เป็นเหตุให้โครงการสร้างอุโบสถสองกษัตริย์และโรงเรียนวัดโสดาประดิษฐาราม จ.ราชบุรี ต้องระงับโครงการ ทำให้เด็กนักเรียนทั้งหมดไม่ได้สถานศึกษาแห่งใหม่อันทันสมัย ทำให้ต้องเล่าเรียนในอาคารหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมต่อไป
    
               ทุกวันนี้เงินจากศรัทธาประชาชนที่เช่าบูชาพระสมเด็จเหนือหัวผ่านธนาคารต่างๆ ทั่วประเทศยังคงฝากอยู่ในบัญชีของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เพียงผู้เดียว ในส่วนพระสมเด็จเหนือหัวนายสิทธิกรได้สั่งการบริจาคให้องค์กรการกุศล และวัดต่างๆ ทั่วประเทศทั้งหมด