ศิลปะแห่งการปล่อยวาง
ศิลปะแห่งการปล่อยวาง : บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสฺสโร
ชีวิตของศิลปินเอกแวนโก๊ะ สอนให้เธอเห็นความเป็นจริงของชีวิตมากมาย แม้ในความทุกข์ระทมที่สุด เขาสามารถสร้างความงดงามให้โลก และมันไม่สูญหาย ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน อาจเป็นเพราะเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจ พลังทั้งหมดที่เขามี ปรากฏออกมาในผลงานของเขา สมดังความตั้งใจเหมือนกับที่เขาเขียนจดหมายถึงน้องชายอันเป็นที่รักที่สุดของเขาว่า ความมุ่งหมายอันแท้จริงของจิตรกรนั้น ก็คือพยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมเข้าไปข้องแวะกับธุรกิจของการค้า สิ่งนี้แหละคือความจริง เพราะเราต้องการแต่อย่างเดียวคือ พยายามปลุกปล้ำต่อภาพเขียนของเรา ให้มันพูดได้
แต่เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก ต่อให้เราทุ่มเทกับงานไหนๆ มีผลงานยิ่งใหญ่มากเพียงใด แต่เมื่อจิตใจไร้ซึ่งความสุขสงบ เราก็ได้ชื่อว่า ไม่สามารถสรรค์สร้างศิลปะแห่งการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง เพราะความทุกข์ระทมยังคงอยู่กับเราร่ำไปไม่ว่าเรายังมีชีวิตอยู่หรือจบชีวิตลง
เมื่อชีวิตที่เป็นอยู่กับอุดมการณ์หรือว่าอุดมคติ ตรงข้ามกัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องทุกข์ จะทำอย่างไรที่ทำให้ชีวิตของเราสมดุลระหว่างอุดมการณ์และความเป็นจริง ไม่เช่นนั้นเราจะคิดว่าเราเองล้มเหลว ไม่ประสบผลสำเร็จและผิดหวังกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ร่ำไปไม่ว่าเวลาใด อดีต อนาคต หรือแม้แต่ปัจจุบัน ตราบใดเราไม่สามารถเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่กำลังกระทำอยู่ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ตรงหน้า โดยคาดหวังสังคม ค่านิยม บุคคลรอบข้างให้คุณค่าแก่เรา และในสิ่งที่เรากระทำ เราจะประสบกับความทุกข์ไม่มากก็น้อยเรื่อยไป
ความจริงก็คือ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดๆ ภายนอก ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดเห็น ความยึดมั่นในความเป็นตัวตนว่าเรา ของเรา สาเหตุยิ่งใหญ่แห่งความทุกข์ทั้งปวงไม่ว่ารูปแบบไหน เริ่มจากความอยาก ความโกรธและความหลง ถ้าไม่อยากเป็นทุกข์ คงต้องเรียนรู้ที่กระทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตอย่างปล่อยวาง สงบสุขอยู่ตรงนั้นอย่างแท้จริง ไม่คาดหวังว่าใครต้องให้คุณค่ากับสิ่งที่กำลังกระทำและเป็นอยู่ คงไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อเรายังอยู่บนหนทางแห่งความอยากมี อยากเป็นและอยากที่กระทำให้ใครต่อใครได้รับรู้
งานศิลปะใดๆ จะไม่งดงามอย่างแท้จริง ถ้าไม่อยู่บนพื้นฐานแห่งการปล่อยวาง ถึงแม้ผลงานจะออกมาสวยงามเพียงใด แต่ถ้าผู้สร้างผลงานกับเปี่ยมด้วยความทุกข์ระทม และเพื่อระบายความทุกข์มออกมาทางผลงาน พลังแห่งความทุกข์นั้นยังคงดำรงอยู่เสมอ เพราะเราตกเป็นเหยื่อแห่งความยึดมั่นถือมั่น แต่ถ้าเราสามารถที่จะอยู่เหนือความยึดมั่นในผลของงาน เราจะสัมผัสสิ่งที่มหัศจรรย์และงดงามเป็นที่สุด
ศิลปะแห่งการดำรงชีวิต คือการอยู่อย่างสงบสุขไม่ตกเป็นเหยื่อล่อแห่งโลก ไม่ว่าจะ อำนาจ ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ นับเป็นงานศิลปะที่งดงาม น่าศึกษาเรียนรู้ และน่าปฏิบัติเป็นที่สุด แม้วันนี้เรายังต้องประสบกับความทุกข์ เราจะขอบคุณในความทุกข์เหล่านั้น เพราะเราตระหนักรู้ดีว่า เราสามารถแปรเปลี่ยนกับทุกข์เหล่านั้นได้เสมอ เมื่อเราเริ่มเรียนรู้ที่จะ 'ปล่อยวาง'
ทุ่งข้าวสาลีกับฝูงกา (Champs de bl? aux corbeaux ) เป็นภาพที่หญิงสาวได้วาดให้ ขณะที่ไปเดินแผ่เมตตา ณ ทุ่งข้างสาลีที่แวนโก๊ะปลิดชีวิตตัวเอง ทางแห่งความสงบ อยู่ ณ ตรงนั้นเสมอและไม่เคยยึดติดกับเวลา สถานที่หรือแม้แต่ตัวบุคคล อยู่ที่เธอจะเลือกเดินหรือไม่ ชีวิตที่สงบไม่เคยตายและไม่จำเป็นต้องตาย ต่อให้มีทางกี่แพร่งถ้าเดินอยู่ด้วยความสงบ ทุกทางคือทางที่ดีที่สุด
วาดภาพแห่งชีวิตอย่างสงบสุข คือ งานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด