พระเครื่อง

มนต์เสน่ห์มัดใจเกิดได้ด้วยธรรมะ

26 ก.ย. 2556

มนต์เสน่ห์มัดใจเกิดได้ด้วยธรรมะ

              ทุกวันถ้าพูดถึงเรื่องเสน่ห์ คนส่วนใหญ่จะมองกันเพียงที่รูปร่าง หน้าตา บุคลิก ลักษณะภายนอกเป็นอันดับแรก ทำให้หลายคนปรารถนาที่จะมีเสน่ห์เหมือนกับคนอื่น ตั้งคำถามว่า จะสร้างเสน่ห์เกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบที่ได้ส่วนใหญ่คือ การเสริมแต่งหน้าตา รูปร่างให้ดูดี จึงจะสามารถมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้างได้ ซึ่งความเป็นจริงในปัจจุบันนี้เป็นแบบนี้จริงๆ

              แต่มีแนวทางหนึ่งในการประพฤติปฏิบัติธรรมที่จะทำให้เรามี “มนต์เสน่ห์มัดใจ” โดยพระราชรัตนาภรณ์  เจ้าคณะเขตบางซื่อ เจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าจุฬามณี กทม. บรรยายให้แก่ผู้ร่วมฟังธรรม ตามโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” 
   
              โดยพระราชรัตนาภรณ์ สอนว่า คำว่า “มนต์เสน่ห์มัดใจ” มนต์ก็เปรียบเสมือนธรรมะที่มีความขลังและความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ส่วนเสน่ห์ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า เป็นการทำให้เกิดความน่ารักหรือเกิดความรักต่อคนที่พบที่เห็น ส่วนการมัดใจก็คือทำให้คนชอบ ทำให้คนหลง

              ถามว่า เสน่ห์เกิดขึ้นเองได้ไหม เราจะต้องสร้างเสน่ห์จึงจะเกิดขึ้น โดยเสน่ห์มี ๒ แบบ คือ เสน่ห์ดลตา หมายถึงมองเห็นแล้วรู้สึกสวย หล่อ มองแล้วชอบ มองแล้วหลงใหล แต่จะไม่มีความยั่งยืน สักวันหนึ่งก็จะเปลี่ยนแปลง เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา ในขณะที่เสน่ห์ดลใจนั้น สามารถคงอยู่ตลอดไปแต่ต้องสร้างขึ้นมา

             วิธีการสร้างเสน่ห์ดลใจในทางพระพุทธศาสนา สามารถนำหลักธรรม ๔ ประการมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างเสน่ห์ขึ้นได้ คือ ประการแรก รู้จักให้ (ทาน) แบ่งปันสิ่งของของตนที่มีอยู่ เอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อบุคคลที่ลำบาก รวมถึงการให้อภัย ถือว่าเป็นสุดยอดของทาน

              ประการที่ ๒ รู้จักพูด (ปิยวาจา) พูดด้วยถ้อยคำที่อ่อนหวาน นิ่มนวลและชวนฟัง ถ้าพูดกระโชกโฮกฮาก แม้แต่คนที่รักกันก็จะขัดใจกันได้ ฉะนั้นควรรู้จักพูดดีกับคนรอบข้าง

              ประการที่ ๓ รู้จักทำประโยชน์ (อัตถจริยา) ประพฤติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น หมายความว่าเราไม่ได้คำนึงถึงตัวตนของเราเลย เรานึกถึงแต่คนอื่น แม้ตนเองไม่ได้ แต่ขอให้คนอื่นได้ เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว

              ประการสุดท้าย รู้จักวางตน (สมานัตตา) การวางตนเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ถือตัว ไม่ว่าจะมีตระกูลยศถาบรรดาศักดิ์สูงแค่ไหน ก็สามารถคบค้าสมาคมกับใครก็ได้ ถึงแม้ได้ดีแล้วก็ไม่เคยลืมตัว

              ธรรมะทั้ง ๔ ประการนี้มาจากสังคหวัตถุธรรม เป็นธรรมที่ยึดเหนี่ยวใจผู้อื่นได้ หากเราต้องการสร้างเสน่ห์ให้ตนเอง เป็นที่รักแก่บุคคลรอบข้าง ควรปฏิบัติตัวให้ได้แบบนี้ ฉะนั้นการที่เรารู้วิธีการแล้ว เราต้องนำไปปฏิบัติด้วยจึงจะเกิดผล

              สำหรับการสร้างเสน่ห์อีกหนึ่งวิธี ที่น่าสนใจก็คือ “การฟังธรรม” การฟังธรรมที่จะให้ได้ผลนั้น บางคนฟังมาหลายสิบปี ถ้าเราไม่รู้จักวิธีฟังก็จะไม่เกิดผล เสมือนทัพพีที่อยู่ในหม้อแกงคนแกงอยู่ทุกวัน แต่ไม่เคยรู้รสแกงเลย

              ฉะนั้นวิธีที่จะฟังธรรมให้ได้เกิดประโยชน์ จะต้องปฏิบัติให้ครบองค์ประกอบ ๕ ประการดังต่อไปนี้

              ประการที่ ๑ คือ จะต้องตั้งใจฟัง เพราะถ้าเราไม่ตั้งใจฟัง ก็เปรียบเสมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ในทางพระบอกว่าฟังด้วยดี หรือโยนิโสมนสิการ เมื่อฟังด้วยดีแล้วจึงจะเกิดปัญญา

              ประการที่ ๒ ต้องตั้งใจจำ คิดตามคำที่พระท่านพูดแล้วก็จำ ประการที่ ๓ เราจะต้องตั้งใจถามถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจ คลายข้อสงสัย ประการที่ ๔ ต้องตั้งใจจด เพราะความจำของเรา อาจจะเลอะเลือนบ้าง การจำได้ดีกว่าจด แต่ถ้าจำไม่หมดจดก็ดีกว่าจำ สำหรับประการสุดท้าย ต้องตั้งใจนำไปปฏิบัติ ธรรมะใดๆ ก็ไร้ค่า หากรู้แล้วไม่นำไปปฏิบัติ ถ้าหากปฏิบัติได้ครบทั้ง ๕ ประการนี้ จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ในด้านสติปัญญาให้กับตนเองได้เป็นอย่างดี

              ธรรมะขององค์พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็น อกาลิโก หมายความว่า เป็นสิ่งที่ไม่ประกอบด้วยกาลและเวลา ถ้าเราปฏิบัติตอนเช้า ผลก็เกิดในตอนเช้า ปฏิบัติตอนสาย บ่าย ค่ำ ผลก็เกิดในเวลาที่เราปฏิบัติ “ธรรมะจะเกิดผลได้ก็อยู่ที่บุคคลนำไปปฏิบัติ แต่ถ้าเราไม่นำไปปฏิบัติ ธรรมะจะดีแค่ไหนอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะบังเกิดผลต่อบุคคลนั้นได้เลย”

              สำหรับผู้ที่สนใจข้อคิดดีๆ แบบนี้ สามารถเข้ารับฟังธรรมะบรรยายโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” ได้ที่อาคารซีพี ทาวเวอร์ ชั้น ๑๑ ถนนสีลม ทุกวันศุกร์เวลา ๑๒.๐๐-๑๓.๓๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สอบถามโทร.๐-๒๖๗๗-๑๙๐๑ หรือที่ www.cpall.co.th <http://www.cpall.co.th/>