สิ่งที่ชาวพุทธควรระวังเรื่องการถ่ายภาพพระสงฆ์
สิ่งที่ชาวพุทธควรระวังเรื่องการถ่ายภาพพระสงฆ์ : ท่านคมสรณ์ข่าวสารงาน-พระธรรมทูตอินเดียรายงาน
ก่อนอื่นต้องกราบขออภัย พระเดชพระคุณในภาพท่านทั้งสองรูปที่นำภาพมาลง ด้วยเจตนาต้องการชี้แจ้งให้สติชาวพุทธระมัดระวังกันครับ กรณีสื่อเมืองไทย นำภาพพระสงฆ์ที่ไปพิพิธภัณฑ์ ฟุตบอลที่อังกฤษลงเสนอข่าวในมุมมโนตามที่จะเขียนและวิจารณ์จนบิดเบือนความจริงนั้น จากภาพที่ท่านกำลังฉันไอสกรีม เป็นภาพที่นักข่าวต่างชาติถ่าย เขาต้องการเสนอภาพให้เห็นว่าพระสงฆ์นุ่งห่มสีเหลืองแปลก ๆ กว่าคนทั่วไป ไปทำอะไรบ้างที่นั่น และเสนอข่าวตามที่เขาเขียน แต่สื่อไทยก็นำมาตีไข่ใส่เครื่องปรุงจนออกรสชาติ คอมเม้นท์วิจารณ์กันจนออกทางที่เสื่อมเสียภาพลักษณ์ของพระสงฆ์อย่างที่ปรากฏ
ตามมารยาทแล้ว การถ่ายภาพขณะพระกำลังฉัน ไม่ว่าจะอยู่ในอากัปกิริยาใด ๆ ย่อมไม่น่าดู ไม่ว่าจะเป็นการอ้าปาก การขบเคี้ยว ฯลฯ ย่อมดูไม่งามโดยประการทั้งปวง
ชาวพุทธต้องช่วยตักเตือนบอกต่อระมัดระวัง อย่าถ่ายภาพพระสงฆ์ขณะที่ท่านกำลังฉัน หรือในกิริยาที่ดูไม่เหมาะสมเช่น ขณะนุ่งห่มเฉพาะอังสะผืนเดียว มุมกล้องที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือถ้าถ่ายก็หลีกเลี่ยงอย่าให้เห็นอาการที่ดูไม่สำรวมแบบชัดเจนจนเป็นเหตุนำมาสู่การวิจารณ์เสียหายภาพลักษณ์ของพระสงฆ์อย่างที่ปรากฏและแปลกแต่จริงโยมก็ช่างชอบถ่ายภาพเวลาพระท่านฉันกันจริง ๆ ซะด้วย ฝ่ายพระสงฆ์ก็ต้องระวังการนำเสนอภาพที่ถ่ายกันเล่น ๆ ไว้ดูเฉพาะตนเอง ไม่ควรนำขึ้นสู่โลกสังคมออนไลน์ เพราะยุคนี้อะไรก็เป็นไปได้หมด ถ้าไม่ระมัดระวังกันแล้วภาพถ่ายย่อมนำมาซึ่งความเสื่อมเสียได้ทั้งนั้น
เมื่อเกิดเรื่องราวเกี่ยวกับพระสงฆ์ก็มีแต่คนวิจารณ์ด้านเสีย แต่ไม่ออกมาช่วยตักเตือนช่วยให้สติกัน หรือบอกวิธีการป้องกันแก้ไขประการใด ๆ เลย ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปตามเวลา พอเกิดเรื่องขึ้นอีกก็วิจารณ์กันสักพักก็ปล่อยให้เงียบเป็นกันมาอย่างนี้ก็ไม่ช่วยกันแก้ ขืนปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้อีกไม่นานก็คงจะเหลือแต่ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาแน่นอน เป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนทุกคนที่ต้องช่วยนั้นเอง
ท่านคมสรณ์ - พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย
๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗
..........................................
(หมายเหตุ : อย่างไรก็ตามจากกรณีล่าสุดเกี่ยวกับพระฉันไอศกรีมในสนามฟุตบอล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประเทศอังกฤษ โดยมีการวิพากวิจารย์ทั้งสื่อไทยและต่างประเทศนั้นเฟซบุ๊ก"ท่านคมสรณ์ ข่าวสารงาน-พระธรรมทูตอินเดีย" ได้สรุปเหตุการณ์และการชี้แจงของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งนี้ขอตัดข้อความที่เป็นการพาดพิงอันจะเป็นปมสร้างความขัดแย้งต่อเนื่องความว่า"
การให้ข่าวกรณีพระสงฆ์ไทยเข้าสนามฟุตบอล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประเทศอังกฤษ ระหว่างสื่อไทย กับสือต่างชาติ และเจ้าของพื้นที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์
๑. สือต่างชาติ นสพ.เดลี่เมล์ ของอังกฤษ เขียนว่า
การเริ่มฤดูกาลของทีมแมนเชตเตอร์ยูไนเต็ด เริ่มไม่ดีนักเพราะแพ้คู่แข่งคาบ้าน ๒-๑ ผู้จัดการทีมน่าจะคิดหาทุกวิธีการเพื่อให้ได้รับชัยชนะนัดต่อไป รวมถึงการแซวกันเล่นการที่พระสงฆ์มาที่สนามอาจเกิดมงคลมีพลังพิเศษนำชัยชนะมาสู่ทีมได้ ที่มา http://www.dailymail.co.uk/news/article-2730715/Monks-united-Buddhist-football-fans-enjoy-day-Old-Trafford.html
นสพ.Mirror ของอังกฤษ พาดห้วข้อข่าวว่า การที่มีพระสงฆ์มาเยี่ยมที่สนามฟุตบอล คิดหรือไม่ว่านาย Louis van Gaal ผู้จัดการทีม กำลังมองหาพลังพิเศษเพื่อช่วยเหลือทีม Is Louis van Gaal looking for some spiritual guidance? Maybe these Buddhist monks were at the Theatre of Dreams to put paid to the Dutchman's nightmare and get the famously highly-strung manager chilled out ahead of United's trip to Sunderland on Sunday.
จากลิงค์ http://www.irishmirror.ie/sport/soccer/soccer-news/monks-visit-manchester-united-louis-4084968
๒. ส่วนสื่อไทยที่เสนอข่าวพระสงฆ์อาทิ เผยภาพพระสงฆ์พุทธเดินช้อปปิ้ง กินไอศกรีมเอร็ดอร่อย ที่สนามกีฬาโอลด์ทรัฟฟอร์ดของอังกฤษ สื่ออังกฤษนำเสนอข่าวเกี่ยวกับความเสื่อมเสียในแวดวงพุทธศาสนาอีกครั้ง ล่าสุดเผยแพร่ภาพพระสงฆ์ 2 รูปที่มีหน้าตาละหม้ายคล้ายมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะไทย เดินเที่ยวและเลือกซื้อสินค้าอย่างสบายอุราที่บริเวณสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รังเหย้าของแมนฯยูไนเต็ด และไม่รวมข้อความที่ส่งต่อ ๆ และวิจารณ์กันในมุมลบอย่างเสียหายในวงกว้าง อยู่ ณ ขณะนี้
๓. การเล่าบอกความจริง จากเจ้าของสถานที่ จากวัดศรีรัตนาราม ประเทศอังกฤษ
เรื่อง ภาพที่เป็นข่าวว่าพระภิกษุไปดูสนามกีฬา แมนเชสเตอร์ ฯ ลงข่าวที่(สื่อ) ให้รับทราบความจริง
กราบเรียน พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่เคารพอย่างสูง และครูบาอาจารย์ทุกท่าน
เรียนอาจารย์มหาเทพนรินทร์
และเจริญพร(สื่อที่เกี่ยวข้อง)
และเจริญพร พี่น้องสาธุทุกฝ่ายทราบ
เกล้าฯ กระผม หรือ อาตมภาพในฐานะอยู่เมืองแมนเชสเตอร์ ได้เห็นข่าวที่ทางประเทศไทย เสนอภาพพระสงฆ์ของไป ในแง่ลบ และเป็นห่วงสภาพสังคมไทยที่รับข่าวไปโดยไม่มีวิจารน์ญาณ
ความจริงเมื่อที่ 21 สิงหาคาม 2557 ที่ผ่านมา คุณน้อย Pual ได้นิมนต์พระสงองรูป ไปดูพิพัธภัณฑ์ ที่สนามกีฬาแมนเชสเตอร์ และได้นิมนต์ท่านไปนั่งที่นั่งหน้าลานจอดรถของสนามกีฬาแมนเชสเตอร์ และโยมได้นิมนต์ท่านดูพิพิธภัณฑ์ของสโมสรกีฬา และไม่ได้ดูฟูตบอตแต่อย่างไร และวันนั้้น ก็ไม่ได้มีการแข็งขันแต่ประการใดและหลังจากสอบถาม พระทั้งสองท่านก้มีอายุพรรษาไม่ได้สนใจเรื่องกี่ฬา หรือเป็นแฟนบอลแต่อย่างไร เมื่อโยมนิมนต์ดูพิพิธภันฑ์ เพื่อการศึกษา จึงไป และได้นั่งรถที่ลานจอดรถ ซึ่งมีภาพนักกีฬาติดกับกำแพงลานจอดรถ แต่เมื่อนักข่าวไทยนำไปเสนอข่าวเพื่อให้เกิดเข้าใจ โดยนักข่าวไทยเข้าใจผิดโดยอ้างเอาข่าวจากอังกฤษ ให้คนไทยที่คอยจ้องจับผิดพระสงฆ์มองโลกในแง่ร้ายได้โอกาสขายข่าวและให้ข่อมูลผิดจากความเป็นจริง
จึงขอกราบเรียนถวายรายงาน
เจริญพรให้ท่านสาธุชนทุกฝ่ายเข้าใจตามสภาพที่เป็นจริง
กราบเรียนมาถวายรายงานมาด้วยความเคารพ และด้วยเมตตาธรรม
ดร. พระครูศรีรัตนธรรมวิเทศ Dr PK Sriratanadhammavides
เจ้าอาวาสวัดศรีรัตนาราม แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
กราบขอประทานโทษ ที่ดิฉันเป็นผู้นิมนต์ แต่มีเจตนาให้พระท่านไปดูพิพิธภัณฑ์ และถวายไอศครีม ไม่มีเจตนาอื่นใด ที่จะทำลายภาพลักษณ์ และอีกประการหนึ่ง พระสงฆ์ทั้งสองรูปท่านก็เป็นพระที่มีการศึกษา และรู้ระเบียบวินัย แต่ภาพข่าวที่ลง ดูเหมือนจะไม่ให้ความเป็นธรรมแก่พระสงฆ์ไทย รองเท้าที่ท่านใส่ สภาพดินฟ้าอากาศในต่างแดนมีการเปลี่ยนแปลงหนาวเย็น โยมเป็นผู้ถวายท่านเอง ไม่ได้ผิดวินัยสงฆ์เพราะสภาพดินฟ้าอากาศ ท่านไม่ได้อยู่ต่างแดน หรือไม่เคยสำผัสความหนาว ก็คงไม่เข้าใจ หมวกไหมพรมที่ท่านใส่ มีอะไรทีญาติธรรมถวาย เพื่อป้องกันหนาว ยังอาตมาให้เป็นไป จึงอยากขอความเป็นธรรมแก่พระสงฆ์ไทยและคนไทยในต่างแดน ไม่อยากให้หลังสื่อไทย คนไทยที่มองโลกในแง่ต่ำ
กราบเรียนมาด้วยความเคารพรักประเทศไทย และพระพุทธศาสนา
นางน้อย Pual แมนเชสเตอร์ ผู้นิมนต์พระดู Museum สนามแมนเชสเตอร์
๔. ความเห็นท่านคมสรณ์
สื่อต่างชาติมองเป็นเรื่องแปลกแต่ก็ยังให้ความสำคัญของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาว่ามีศักยภาพความเป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ และมีพลังพิเศษ
สื่อไทย รวมทั้งคนไทยส่วนใหญ่ที่รับสือ พยายามให้ข่าวแง่ลบ ซ้ำเติม เหยียบย้ำภาพลักษณ์ ช่วยรุมประโคมข่าวให้เสียหายยิ่ง ๆ ขึ้นไปแก่พระพุทธศาสนา ส่งเสริมให้คนเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันพระสงฆ์แทบทุกสำนักข่าว ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความเสือมเสียของพระสงฆ์
และการชี้แจงจากเจ้าของพื้นที่หรือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่ได้รับความสนใจและไร้ค่าโดยสิ้นเชิง ส่วนปัญญาชนที่เห็นตามความเป็นจริงนั้นก็นับว่ามีอยู่แต่ก็มีน้อยและไม่ค่อยจะให้ความสำคัญเรื่องเหล่านี้นัก และศรัทธาของสาธุชนเหล่านั้นก็ยังมั่นคงในพระพุทธศาสนาต่อไป
๕. การป้องกันแก้ไข
พระสงฆ์เราซึ่งกำลังเป็นเป้าสายตาของประชาชนทั่วโลก ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว สำรวมทุกอิริยาบถ หากจะออกนอกวัดนอกอาราม และควรเว้นการเข้าไปในสถานที่คิดว่าไม่เหมาะสมทุกกรณี ส่วนบรรดาญาติโยมก็พึงช่วยดูแลปกป้องพระในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าโยมนิมนต์พระคุณเจ้าไปที่ไหน ๆ ก็ตาม พระคุณท่านจะไม่ค่อยขัดศรัทธาและเกรงใจโยมผู้นิมนต์ ด้วยผู้ที่จ้องจับผิดมีสายตาทิพย์มีอยุ่ทั่วโลกกันแล้ว เพราะถ้าเกิดเหตุก็จะเป็นข่าวเกิดเป็นเรื่องราวดังที่ปรากฎ พลาดแล้วคือพลาดเลยไม่มีโอกาสที่จะมาแก้ข่าวแก้ตัวโดยประการใด ๆ ทั้งปวง
ท่านคมสรณ์ - พระธรรมทูตอินเดีย ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗")