
พระกำแพงซุ้มกอดำกรุวัดพิกุล
พระกำแพงซุ้มกอดำกรุวัดพิกุล : พระองค์ครู รูปเรื่องโดยไตรเทพ ไกรงู
จำนวนกรุต่างๆ ในจ.กำแพงเพชร มีทั้งหมดประมาณไม่ต่ำกว่า ๕๐ กรุ โดยแบ่งเป็นกรุทุ่งเศรษฐี ทั้งหมด ๙ กรุ ได้แก่ ๑.วัดพระบรมธาตุ ๒.วัดหนองพิกุล หรือ นิยมเรียกว่า วัดพิกุล ๓.วัดซุ้มกอ หรือ กรุนาตาคำ ๔.วัดฤๅษี ๕.วัดน้อย หรือ กรุซุ้มกอดำ ๖.บ้านเศรษฐี ๗.วัดเจดีย์กลางทุ่ง ๘.วัดหัวยาง และ ๙.วัดหนองลังกา
ส่วนฝั่งซ้ายซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมือง และเป็นเขตอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร รวมทั้งพระราชวังเก่าที่มีวัดพระแก้วอยู่ภายในด้วยรวมเรียกว่ากรุเมือง มีจำนวนประมาณ ๒๐ กรุ ซึ่งมีกรุเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี เช่น กรุวัดพระแก้ว กรุวัดพระธาตุ กรุวัดป่ามืด กรุวัดช้างล้อม และกรุวัดนาคเจ็ดเศียร เป็นต้น
ทั้งนี้เมื่อปี ๒๓๙๒ เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โตแห่งวัดระฆังฯ ได้ไปเยี่ยมญาติที่เมืองกำแพงเพชร ได้พบศิลาจากรึกที่วัดเสด็จ จึงทราบว่ามีพระเจดีย์ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ฝั่งเมืองนครชุมเก่า ท่านจึงได้ดำริให้เจ้าเมืองออกสำรวจแล้วก็พบเจดีย์ อยู่ ๓ องค์ อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ชำรุดมาก จึงได้ชักชวนให้เจ้าเมืองทำการรื้อพระเจดีย์เก่าทั้ง ๓ องค์ รวมเป็นองค์เดียวกัน แต่เมื่อรื้อถอนแล้วจึงได้พบพระเครื่องสกุลกำแพงเพชรเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และแตกหักตามสภาพกาลเวลา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โตท่านเห็นว่าเศษพระที่แตกหักนั้นยังมีพุทธคุณอยู่ท่านจึงได้นำกลับมายังวัดระฆังจำนวนหนึ่งพร้อมกับเศษอิฐและเศษหิน และบันทึกใบลานเก่าแก่ที่ได้บันทึกเกี่ยวกับวิธีการสร้างพระสกุลกำแพงเพชร
ดังนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โตจึงได้นำเอาเศษพระกำแพงที่แตกหักมาบดเป็นส่วนผสมในการสร้างพระสมเด็จของท่านจนขึ้นชื่อโด่งดังไปทั่วประเทศ เพราะท่านได้สร้างตามสูตรการสร้างพระซุ้มกอกำแพงเพชร ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพระสมเด็จในยุคแรกๆ จะมีลักษณะโค้งมนเหมือนกับพระซุ้มกอเพราะว่าพ ระซุ้มกอกำแพงเพชรเป็นต้นแบบของพระสมเด็จวัดระฆังนั่นเอง
การค้นพบพระกำแพงซุ้มกอ
พระกำแพงซุ้มกอ เป็นพระศิลปะสุโขทัยยุคต้น สร้างประมาณปี ๑๙๐๐ สมัยพญาลิไท ขุดค้นพบหลายกรุ โดยครั้งแรกพบ ณ วัดพระบรมธาตุ โดยหลวงปู่โต ต่อมาปี ๒๔๙๐ และ ๒๕๐๑ ก็พบอีก แต่ไม่มาก ปี ๒๕๐๕ และปี ๒๕๐๙ พบจากกรุวัดพิกุลทอง, วัดฤาษี วัดหนองลังกา และวัดซุ้มกอ
ส่วนพระพุทธคุณของพระกำแพงซุ้มกอนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะพระกำแพงซุ้มกอ มีครบเครื่องไม่ว่าเรื่อง เมตตา มหานิยม แคล้วคลาด ตลอดจนเรื่องโชคลาภ จนมีคำพูดที่พูดติดปากกันมาแต่โบราณกาลว่า “มีกูแล้วไม่จน” ประกอบกับพระกำแพงซุ้มกอ ถูกจัดอยู่หนึ่งในห้าของชุดเบญจภาคี ความต้องการของนักนิยมพระเครื่องจึงมีความต้องการสูงเพราะทุกคนต้องการแต่พระกำแพงซุ้มกอทั้งนั้น ราคาเช่าหาจึงแพงมาก และหาได้ยากมากด้วย
สำหรับภาพพระองครูฉบับนี้เป็น "พระกำแพงซุ้มกอดำ กรุวัดพิกุล" ของนายสุขธรรม ปานศรี หรือที่คนในวงการรถยนต์รู้จักในชื่อ “เฮียกุ่ย” นักสะสมพระหลวงพ่อทวดชุดเนื้อทองคำ รวมทั้งพระชุดหลักๆ ที่ขึ้นชื่อว่าสวยแชมป์ ซึ่งองค์ดังกล่าวนี้ ติดรางวัลที่ ๑ จากงานประกวดพระเครื่องของสมาคมพระเครื่องฯ สาขาภาคกลาง ที่จัดขึ้นมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ ตุลาคมที่ผ่านมา