
ระลึกชาติ!...ลืมชาติ! เรื่องจริงคนจริง ที่... บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี
ในจำนวนผู้ที่ระลึกชาติได้กว่า ๕๐ ราย ของบ้านตะคร้อ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ บางรายยังสามารถจำอดีตชาติได้ บางรายมีพยานรู้เห็นจำนวนมาก บางรายมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมสามารถพิสูจน์ได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ เท่าที่ทราบมีผู้ที่จำอดีตชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรายล่าสุด คือ ยายเพียร แย้มประดับ ตายไปเมื่อปี ๒๕๓๕ กลับมาเกิดเป็น เด็กหญิงญาณินท์ ศิริมงคล วัย ๔ ขวบ ถึงกับทำให้ลูกหลานของยายเพียรสุดดีใจ ลูกหลานยายเพียรบางคนถึงกับเรียกเด็กหญิงญาณินท์ว่า "แม่" หรือ "ยาย" รวมทั้งรับเด็กหญิงญาณินท์เหมือนญาติคนหนึ่ง
ส่วนการเก็บข้อมูลในเชิงลึก ๑๔ ราย ของ นายธวัชชัย ขำชะยันจะ ผู้ไล่ล่าหาข้อพิสูจน์ของคนระลึก โดยแต่มีเรื่องราวในอดีตชาติอันเป็นที่สนใจอย่างยิ่ง และเป็นที่ยอมรับของญาติพี่น้องในอดีตชาติอย่างสนิทใจ ทั้งนี้ "คม ชัด ลึก" ขอยกตัวอย่างคนระลึกชาติ ที่โดดเด่น ๓ ท่าน
รายแรก คือ เรื่องของ นายเทเวศน์ (เท่) เรียบสัมพันธ์ ชื่อเล่น “เอ็ด” วันเดือนปีเกิด ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๑ มีรอยแผลเป็นตั้งแต่กำเนิด ซึ่งมีแผลเป็นคล้ายรูกระสุนปืนที่ศีรษะด้านหลัง และใต้ราวนมด้านขวา ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : ๑๔๒/๒ หมู่ ๓ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์
ส่วนในอดีตชาติ ชื่อ-นามสกุล คือ นายศิริ ใจเร็ว ชื่อเล่น “ริ” วันเดือนปีเกิด ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๓ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ๕/๒ หมู่ ๕ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์
สาเหตุที่เสียชีวิต ถูกฆาตกรรม บาดแผลที่ทำให้เสียชีวิต มีบาดแผลกระสุนปืนที่ศีรษะด้านหลัง และใต้ราวนมด้านขวา สถานที่เสียชีวิต ริมถนน ระหว่างหมู่บ้านตะคร้อ กับหมู่บ้านวังกระโดนน้อย
การระลึกชาติของนายเทเวศน์นั้น นอกจากจำเพื่อนสนิทได้ จำป้าในอดีตชาติได้ จำต้นกระถินที่ทุ่งนาในอดีตชาติได้ รวมทั้งแสดงความคุ้นเคยกับสถานที่ในอดีต ที่สำคัญคือ เขายังจำชื่อควายที่เคยเลี้ยงได้
มีครั้งหนึ่ง ญาติในอดีตชาติเคยถามเด็กชายเท่ว่า “จำได้ไหม ว่าควายเรามีชื่ออะไรบ้าง” เด็กชายเท่ตอบว่า “ชื่อไอ้เหลือง ไอ้ม่วง แล้วก็ไอ้สมชาย” เด็กชายเท่สามารถบอกชื่อควายทั้ง ๓ ตัว ทั้งๆ ได้ขายควายทั้ง ๓ ตัวนั้นไปนานแล้ว
ในขณะที่ความผูกพันกับพ่อแม่ในอดีตชาติของเขา มีมาตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งความผูกพันที่เขามีให้กับพ่อแม่ในอดีตชาตินั้น บางครั้งก็ทำให้พ่อแม่ในปัจจุบันชาติรู้สึกน้อยใจอยู่เหมือนกัน
เมื่อก่อน เวลาที่นายเทเวศน์คิดถึงเรื่องราวในอดีตชาติ ภาพความทรงจำจะผุดขึ้นมาเหมือนกับว่าเหตุการณ์นั้นเพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่ปัจจุบันนี้ ภาพความทรงจำในอดีตชาติของเขา ได้ลบเลือนไปเกือบหมดแล้ว ยังเหลือก็แต่รอยแผลเป็นที่บริเวณศีรษะด้านหลัง และใต้ราวนมด้านขวา ที่ติดตัวของเขามาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
รายที่ ๒ คือ นางสุรางคนา วันที ชื่อเล่น “ส้ม” วันเดือนปีเกิด ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ๗๐/๑๔ หมู่ ๑ ต.โคกเดื่อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ อดีตชาติ ชื่อ-นามสกุล “ฟ้าแตง” ไม่มีที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พี่น้องร่วมบิดามารดา (เธอบอกว่าเธอมีน้องชายอีก ๑ คน ไม่ทราบชื่อ) วันเดือนปีที่เสียชีวิต เมื่อประมาณกว่า ๑,๐๐๐ ปีที่แล้ว สาเหตุที่เสียชีวิต ประสบอุบัติเหตุเรือล่มกลางลำน้ำใหญ่ บริเวณสำนักสงฆ์คลองมะม่วงเตี้ย ในปัจจุบัน
เรื่องราวการจำอดีตชาติของนางสุรางคนา เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในหมู่บ้านตะคร้อ เธอจำอดีตชาติได้ว่า เคยมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ ๑,๐๐๐ ปีที่แล้ว พอประมวลความได้ว่า ชาติก่อนเธอมีชื่อว่า “ฟ้าแตง” พ่อของเธอชื่อ “โกสีย์” แม่ของเธอชื่อ “นวลจันทร์” เธอมีน้องชายด้วย ๑ คน (ไม่บอกชื่อ)
ในอดีตชาติ ครอบครัวของเธอพร้อมทั้งข้าทาสบริวาร กำลังจะล่องเรือไปยังเมืองศรีเทพ ระหว่างทาง เรือได้ชนกับโขดหินที่อยู่ใต้น้ำ ทำให้เรือล่ม ทุกคนที่อยู่บนเรือเสียชีวิตทั้งหมด เรือได้จมลงก้นแม่น้ำ พร้อมทรัพย์สมบัติที่บรรทุกมาในเรือด้วย
เธอบอกว่า แต่ก่อนบริเวณต้นมะม่วงต้นนั้น เป็นลำน้ำกว้างใหญ่ มีน้ำไหลเชี่ยว หลังจากที่เธอและครอบครัวเสียชีวิต วิญญาณของพวกเธอก็ได้สิงสถิตอยู่ที่ซากเรือนั้น มานานหลายร้อยปี
ต่อมาลำน้ำบริเวณนั้นตื้นเขินขึ้น ก็ได้มีต้นมะม่วงเกิดขึ้นมา ซึ่งเกิดจากลูกมะม่วงที่พวกเธอเคยใช้เป็นเสบียงอาหารระหว่างเดินทางในครั้งนั้นนั่นเอง ตอนนั้นวิญญาณของเธอ และครอบครัวได้สิงสถิตอยู่ที่ต้นมะม่วงต้นนั้น ต่อมาอีกหลายร้อยปี ต่อมาพ่อของเธอได้จุติไปเกิดก่อน จึงเหลือแต่เธอน้องชายและแม่ของเธอ ที่ยังเป็นวิญญาณสิงสถิตอยู่ที่ต้นมะม่วงต้นนั้น
ในช่วงเวลา ๕๐ ปี ที่ผ่านมา มีผู้คนหลายกลุ่มพยายามจะขุดหาสมบัติ ที่เล่าขานกันมานานว่า เป็นสมบัติที่บรรทุกมากับเรือของฟ้าแตง และครอบครัว บริเวณรอบๆ ต้นมะม่วงต้นนี้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องมีอันเป็นไป
แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ต้นมะม่วงต้นนั้นได้ยืนต้นตายไปเสียแล้ว เมื่อต้นปี ๒๕๔๘ เนื่องจากมีคนนำรถแม็คโครมาขุดดินบริเวณโคนต้นมะม่วงต้นนั้น ทำให้ต้นมะม่วงพันปีต้นนั้น ยืนต้นตายไปอย่างน่าเสียดาย
ชาวบ้านลือกันว่า ผู้ที่มีส่วนรู้เห็น คือ คนที่นำรถแม็คโครไปขุดนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และเจ้าสำนักสงฆ์คลองมะม่วงเตี้ย ก็มรณภาพ หลังจากต้นมะม่วงต้นนั้นตายได้ไม่นาน
อย่างไรก็ตาม นางบุญนาค แสนดี ซึ่งเป็นแม่ของนางสุรางคนา เมื่อเริ่มแน่ใจว่า เด็กหญิงสุรางคนาน่าจะจำอดีตชาติได้ นางบุญนาค ก็เกิดความกลัวว่า บุตรสาวจะอายุสั้น กลัวว่าแม่ในอดีตชาติจะมาเอาชีวิตลูกคืน และไม่อยากให้บุตรสาวพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติอีก จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เด็กหญิงสุรางคนา ลืมเรื่องราวในอดีตชาติ โดยให้กินไข่บ้าง ทำให้ผวาตกใจบ้าง
แต่เด็กหญิงสุรางคนาในขณะนั้น ยังคงพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติของเธออีกหลายครั้ง ข่าวการจำอดีตชาติได้ของเด็กหญิงสุรางคนา ได้แพร่ออกไป และมีนักข่าวหนังสือพิมพ์มาติดต่อขอสัมภาษณ์ แต่นางบุญนาคไม่ยอมให้สัมภาษณ์ และพาบุตรสาวหนีนักข่าว ไม่ยอมให้นักข่าวได้พบ
ส่วนรายที่ ๓ เป็นกรณีคู่ผัวเมียในอดีตชาติ เกิดมาเป็นแฝดชายหญิงในชาติปัจจุบัน คือ นายหนอง-นางอำนวย นาคตระกูล (คู่แฝดชายหญิง) นายหนอง (จอน)-นางอำนวย (คู่แฝดชายหญิง) บุตรของ นายอ้น-นางหนู นาคตระกูล (อ้างว่าในชาติก่อนเคยเป็นสามีภรรยากัน) นางหนู นาคตระกูล (แม่) เล่าให้ฟังว่า นายจอน นาคตระกูล ก็จำอดีตชาติได้เช่นเดียวกัน
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่ทั้งสองยังเป็นเด็ก เธอแอบได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องราวในอดีตชาติ โดยใช้คำเรียกกันและกันว่า “แก..ข้า” เหมือนกับที่สามีภรรยาใช้เรียกกัน นางหนู ถามนายจอนว่า “หนูเป็นใครมาเกิดลูก” นายจอนตอบว่า “ผมชื่อเหม็ง อีนาง (นางอำนวย) ชื่อขำ เป็นผัวเมียกัน อยู่ที่หมู่บ้านโคกมะขวิด ชาติก่อนผมขี่ม้าเลี้ยงวัว ผมมีวัวฝูงใหญ่ แต่ถูกโจรปล้น พวกมันยิงผมกับอีนางตาย ผมก็จูงมืออีนางวิ่งหนีมาทางนี้ พอดีมาเจอแม่ เลยมาเกิดกับแม่นี่แหละ”
ตอนนั้นเธอกับนายอ้นสามี เคยไปสอบถามชาวบ้านที่หมู่บ้านโคกมะขวิด แถวสี่แยกไดตาล ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านตะคร้อประมาณ ๓๐ กิโลเมตร
คนในหมู่บ้านบอกว่า เมื่อก่อนเคยมีคนชื่อนายเหม็งและนางขำอยู่จริง ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน เป็นคนที่มีฐานะดี มีวัวอยู่หลายตัว แต่ไม่มีลูกหลาน ต่อมาพวกเขาถูกโจรปล้น และถูกฆ่าตายอย่างอนาถ
ขณะเดียวกัน นายอ้นผู้เป็นพ่อของฝาแฝดทั้งสอง เล่าให้ฟังว่า นายจอนมีความชำนาญเรื่องวัวมากเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยสอน ตนเองก็ไม่ค่อยชำนาญในเรื่องนี้นัก
มีครั้งหนึ่ง ตนถูกวัวขวิดจนปางตาย ยังดีที่นายจอนมาช่วยไว้ทัน นายจอนกับนางอำนวยเป็นพี่น้องที่ไม่เคยทะเลาะกันเลย นายจอนจะเป็นห่วงนางอำนวยมาก เวลาที่ต้องอยู่ห่างไกลกันก็จะพกภาพถ่ายของนางอำนวยไปด้วย ปัจจุบันนายจอนมีภรรยาแล้วและมีบุตรด้วยกัน ๑ คน
หลากวิธีทำให้เด็กลืมอดีตชาติ
จากความเชื่อเกี่ยวกับการเสียชีวิตก่อนสิ้นอายุขัย หรือ สิ้นกรรมนี้เอง ที่ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ของผู้ที่จำอดีตชาติได้ ชาวพุทธส่วนใหญ่กลัวว่า เด็กที่จำอดีตชาติได้จะอายุสั้น จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้พวกเขาลืมอดีตชาติให้ได้โดยเร็ว
ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของครอบครัวพ่อแม่ของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่รู้สึกดีใจ ที่บุคคลซึ่งพวกเขาเคยคิดว่าได้พลัดพรากจากกันไปอย่างไม่มีวันกลับ ได้สืบชาติมาเกิดอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะบรรยายได้
อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีบางรายที่พ่อแม่ในปัจจุบันชาติ และครอบครัวพ่อแม่ของผู้ที่เสียชีวิตในอดีตชาติ ร่วมใจกันพยายามทำให้เด็กลืมอดีตชาติ เพราะเด็กพูดถึงความทรงจำในอดีตชาติที่เกี่ยวกับการฆาตกรรม การที่เคยกระทำผิดศีลธรรม หรือเคยกระทำผิดกฎหมายในอดีตชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เด็กพูดถึงมันอีก
ในหมู่บ้านตะคร้อ มีวิธีการที่จะทำให้เด็กลืมอดีตชาติได้อยู่หลายวิธี เช่น วิธีการโยนกระด้ง การให้เด็กกินไข่ พาลอดไต้บันไดบ้าน จับหมุนทำให้เวียนศีรษะ ทำให้ตกใจ ให้คนทรงทำพิธีให้ เป็นต้น
แต่จากข้อมูลที่ได้ ดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยได้ผลนัก ส่วนใหญ่เด็กจะเริ่มหยุดพูด และหยุดแสดงออกถึงอดีตชาติไปเองเสียมากกว่า แต่ก็ใช่ว่า จะไม่มีเหตุมีผลเสียเลยทีเดียว เพราะมีบางกรณีที่คนที่เสียชีวิตไปแล้วมาเข้าฝัน และเป็นฝ่ายบอกเองว่า อย่าเพิ่งให้เด็กคือตัวเขาที่จะเกิดมากินไข่ เพราะจะทำให้ตัวเขาลืมความทรงจำในอดีตชาติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความเชื่อว่า การให้เด็กกินไข่มากๆ จะทำเด็กลืมความทรงจำในอดีตชาติ
สำหรับ วิธีการโยนกระด้ง ในหมู่บ้านตะคร้อนั้น เป็นวิธีการที่ใช้ในสมัยก่อน เมื่อครั้งที่ยังต้องใช้หมอตำแยในการทำคลอดอยู่ มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทำให้เด็กตกใจ และลืมอดีตชาติเสียตั้งแต่ยังเป็นทารก จะกระทำกันเมื่อเด็กคลอดออกมาแล้ว ได้ตัดสายสะดือ และทำความสะอาดร่างกายของเด็กเรียบร้อยแล้ว
หมอตำแย หรือญาติๆ จะยกเด็กขึ้นด้วยสองมือ และยื่นออกจากตัวไปในแนวนอน ลักษณะตั้งฉากกับหน้าอก แล้วให้ญาติๆ นำกระด้งขนาดใหญ่มาคอยรองรับเด็กที่ด้านล่าง โดยจะยกเด็กให้สูงกว่ากระด้งที่รองรับพอสมควร แล้วก็จะโยกมือที่อุ้มเด็กวนไปรอบๆ กระด้งที่รองอยู่สามรอบพร้อมกับพูดไปด้วยว่า “สามวันลูกผี...สี่วันลูกคนนะ” ก่อนที่จะปล่อยมือให้เด็กตกลงมายังกระด้งที่รองรับอยู่ด้านล่าง
เมื่อเด็กตกลงมาในสภาพไร้น้ำหนัก ก็จะมีอาการผวาตกใจ และร้องไห้ เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการ แต่ในปัจจุบันนี้ แม่ของเด็กส่วนใหญ่จะไปฝากท้อง และไปคลอดบุตรที่สถานีอนามัย หรือที่โรงพยาบาล ทำให้วิธีการโยนกระด้ง เพื่อทำให้เด็กลืมอดีตชาติ กำลังจะเลือนหายไป
เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"