
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา กับ...ปาฏิหาริย์ปิดทองพระร่วงโรจนฤทธิ์
พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปสำคัญประดิษฐานภายในวิหารด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม
มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปประทับยืนบนฐานหล่อบัวคว่ำบัวหงาย วงพระพักตร์ยาว พระหนุเสี้ยม นิ้วพระหัตถ์ และพระบาทไม่เสมอกัน ห้อยพระหัตถ์ซ้ายลงข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นยื่นออกไปข้างหน้าระดับพระอุระในลักษณะกิริยาห้าม เรียกกันว่า "ปางห้ามญาติ" จีวรบางคลุมแนบติดพระวรกาย ความสูงจากยอดพระบาทถึงพระเกตุ ๗.๔๕ เมตร ประดิษฐานอยู่ที่บริเวณโถงด้านหน้าของวิหารด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์
นับแต่โบราณกาล พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนมาจนปัจจุบัน
และผู้หนึ่งที่ได้ขอพรจากพระร่วงโรจนฤทธิ์แล้วสัมฤทธิผล คือ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้ย้ายตำแหน่งให้สูงขึ้น จากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗ ไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และล่าสุดก็ไปรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คงอยู่ไม่ไกลเกินฝันของ พล.ต.ท.วรพงษ์
“ผมย้ายบ่อย และย้ายไปสู่ที่ดีขึ้นตลอด ผมไม่ได้มีของดีอะไร นอกจากผมยึดหลักพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการทำงาน โดยมีเมตตาต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และทุกครั้งที่ผมไหว้พระ ผมจะขอพรเพียงว่า ทำงานให้ประสบความสำเร็จ ประชาชนอยู่ด้วยความปลอดภัย ล่าสุดเป็นความโชคดีของผม ที่ได้มีโอกาสขึ้นไปปิดทองส่วนเศียรของพระร่วงโรจนฤทธิ์องค์จริง ก่อนปิดทองผมอธิษฐานว่า ขอให้เจริญก้าวหน้าในอาชีพราชการไปเรื่อยๆ และวันนี้ก็เป็นจริงดังคำอธิษฐานย” นี่คือคำยืนยันของ พล.ต.ท.วรพงษ์
พล.ต.ท.วรพงษ์ บอกว่า โอกาสที่จะปิดทองพระร่วงโรจนฤทธิ์องค์จริงนั้น เป็นเรื่องยากมาก ประมาณว่า ๒๕ ปี ปิดได้ครั้งเดียว เพราะ ๒๕ ปี กรมศิลปากรจะปิดทองครั้งหนึ่ง ปกติแล้วคนที่ไปกราบไหว้ขอพรพระร่วงโรจนฤทธิ์ จะปิดทองได้เฉพาะองค์จำลองเท่านั้น แต่เมื่อครั้งที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗ หลวงพ่อสมชาย เจ้าอาวาสปริวาศ กทม.ได้โทรมาชวนให้ไปปิดทองเป็นปฐมฤกษ์ จึงรีบไปทำตามคำเชิญชวนทันที เพราะถ้าพลาดโอกาสครั้งนี้ ต้องรอไปอีก ๒๕ ปี ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ชื่อของพล.ต.ท.วรพงษ์ อาจตายจากโลกไปแล้วก็ได้
แม้ว่าการเป็น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า มีคดีใหญ่ๆ ต้องรับผิดชอบที่เกิดขึ้นทุกๆ วัน แต่หากว่างจากราชการ พล.ต.ท.วรพงษ์ ก็มักจะไปทำบุญตามวัดเสมอๆ โดยวัดที่ไปทำบุญนั้นก็คือ วัดหลวง หรือ วัดหลวงประชาบูรณธนิต เพราะอยู่ใกล้บ้าน
ซึ่งเดิมนั้น วัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง ต่อมาท่าน พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต ได้บูรณปฏิสังขรณ์ จึงเติมคำว่า ประชาบูรณธนิต เป็นชื่อเต็มวัดไปเลย เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บูรณะ ขณะเดียวกันคนเก่าๆ ที่อยู่ใกล้วัด เล่าลือกันมาตลอดว่า องค์หลวงพ่อใหญ่ พระประธานในโบสถ์นั้นศักดิ์สิทธิ์มาก
สำหรับประสบการณ์ที่เรียกว่าปาฏิหาริย์นั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า หลังเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อย เมื่อปี ๒๕๒๐ ติดยศร้อยตำรวจตรีแล้วก็สมัครเป็นตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เลยทันที โดยสมัครไปประจำการอยู่ที่ อ.อรัญประเทศ จ.ปราจีนบุรี นานถึง ๒ ปี เพราะเป็นช่วงพื้นที่ที่นั่นมีสถานการณ์รุนแรง การยิงปะทะกับผู้ก่อการร้ายเป็นเรื่องปกติ ตลอดทั้ง ๒ ปีที่ไปประจำการ
ในครั้งนี้ มีพระเครื่องที่แขวนติดตัว ๒ องค์ คือเหรียญหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน และ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จึงปลอดภัยจากการปะทะกับผู้ก่อการร้ายเสมอมา
ขณะเดียวกัน พระทั้ง ๒ องค์ ยังแสดงปาฏิหาริย์ที่เรียกว่าต้องจดจำอย่างลืมไม่ลง ก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะไปประจำการในหน่วยพลร่ม ซึ่งต้องฝึกกระโดดร่มแบบดิ่งพสุธา เมื่อปี ๒๕๒๕
กติกาการฝึกกระโดดร่มในหนึ่งเที่ยวบิน จะฝึกกระโดดได้เพียง ๓ คนเท่านั้น โดยใช้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เป็นเครื่องบินฝึกในมีเพื่อนร่วมรุ่นที่ฝึกด้วยกันอีก ๒ คน
และหลังจากกระโดดลงมาแล้ว ปรากฏว่า วันนั้นลมกระโชกแรงมาก พร้อมกับพัดเอาพวกเราไปตกกลางทะเลทั้ง ๓ คน ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดี มีเรือประมงแล่นมาพอดี จึงรอดตาย จากนั้นก็ไปช่วยเพื่อนอีก ๒ คน แต่ช่วยได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ยังบอกด้วยว่า ระหว่างปี ๒๕๔๘-๒๕๔๙ ได้สมัครไปปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไปทำหน้าที่เป็นรองผู้บัญชาการฝ่ายสืบสวน
ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการลอบยิง วางระเบิด ต้องออกไปตรวจสถานที่ทุกครั้ง ในการเดินทางไปปฏิบัติ หน้าที่ครั้งนี้นอกจากปืนและเสื้อเกราะแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความอุ่นใจไม่น้อยกว่ากัน คือ พระเครื่อง ซึ่งแขวนติดตัวเป็นประจำด้วยกันทั้งหมด ๕ องค์ คือ ๑.หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เนื้อเมฆพัด ซึ่งได้รับมอบจาก พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ อดีตรองผบ.ตร. ๒.พระคงลำพูน ๓.พระฉลอง ๒๕ พุทธ ศตวรรษ ๔.พระหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อดิน และ ๕.พระไพรี พินาศ วัดบวรนิเวศวิหาร
นอกจากนี้แล้ว ล่าสุดได้นิมนต์เหรียญหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม รุ่นแรก เป็นเหรียญทองแดงกะไหล่ หลังมีจาร โดยมีคติความเชื่อว่า มีพุทธคุณด้านเมตตา เพิ่มยศ เพิ่มลาภ ซึ่งตลอดระยะเวลา ๒ ปี ไม่เคยประสบเหตุใดๆ เลย มีแต่เกิดก่อนไปถึงที่เกิดเหตุ หรือเกิดหลังออกจากสถานที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่งานหนึ่งที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ต้องสานต่อให้สำเร็จ คือ การจัด มหกรรมการประกวดการอนุรักษ์ พระเครื่อง พระบูชา และเหรียญคณาจารย์ทั่วประเทศ ที่จัดโดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งจะจัดขึ้นใน วันอาทิตย์ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๒ นี้ ณ คอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น ๘ อาคาพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน จ.นนทบุรี ทั้งนี้เพื่อนำรายได้เป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง สนับสนุนการศึกษาของบุตรข้าราชการในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง รวมทั้งนำไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนางานตำรวจ ในความรับผิดชอบของตำรวจสอบสวนกลาง ให้มีขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานในด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์อื่นๆ
จึงถือโอกาสนี้ เชิญชวนนักนิยมสะสมพระเครื่องทั่วประเทศ ร่วมส่งพระเข้าประกวดกันในวันเวลา ดังกล่าว
เรื่อง - ภาพ "ไตรเทพ ไกรงู"