พระเครื่อง

'สะสมพระด้วยความรักและศรัทธา''มหา แม่กลอง'กรรมการตัดสินเหรียญยอดนิยม

'สะสมพระด้วยความรักและศรัทธา''มหา แม่กลอง'กรรมการตัดสินเหรียญยอดนิยม

27 ธ.ค. 2552

ในวงการพระเครื่อง คนที่มีความรู้ความชำนาญในพระประเภทใดประเภทหนึ่ง ก็อาจจะเอาตัวรอดได้ หากรู้ลึกรู้จริง จะสามารถยึดเป็นอาชีพซื้อขายพระได้เป็นอย่างดี โดยมีตัวอย่างผู้ประสบพบความสำเร็จในทางนี้มาแล้วมากมาย

 และหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ องอาจ แสงภักดี หรือที่วงการพระรู้จักกันดีในนาม มหา แม่กลอง
กรรมการตัดสินเหรียญยอดนิยม สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ผู้ผ่านเข้ารอบ ๓ คนสุดท้ายในการแข่งขัน แฟนพันธุ์แท้ เหรียญพระ ที่จัดโดย ปัญญา นิรันดร์กุล เมื่อปี ๒๕๕๑ โดยมีผู้ชนะเลิศ คือ ต้น ท่าพระจันทร์

 มหา แม่กลอง เป็นชาวอัมพวา จ.สมุทรสงคราม ละแวกวัดแก้วเจริญ ที่มี หลวงพ่อหยอด (ศิษย์เอก หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ) เป็นเจ้าอาวาส

 สมัยเด็กเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดราษฎร์บูรณะ จนเมื่อมีอายุได้ ๑๙ ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณร และได้อุปสมบทในปี ๒๕๓๓ ที่วัดแก้วเจริญ ได้เรียนธรรมะ และปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อหยอดอย่างใกล้ชิด โดยส่วนใหญ่ได้ช่วยหลวงพ่อกดพิมพ์พระสมเด็จ พระปิดตา และขวั้นด้ายไหม ๕ สี ตามตำราของหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ (ของหลวงปู่ใจเป็นด้ายไหม ๗ สี) สมัยนั้นยังต้องขวั้นด้วยมือ ต่อมาได้มีการพัฒนาขวั้นด้วยเครื่อง

 "จากการที่ได้อยู่กับหลวงพ่อหยอด จึงได้พบเห็นการทำบุญเช่าพระที่วัดอยู่เสมอ และเริ่มรู้จักเรื่องของการสะสมพระจากญาติโยมที่มาบูชาพระของวัด ขณะเดียวกันก็ได้เช่าพระจากพรรคพวกที่รู้จักกันเป็นองค์แรกในครั้งนั้นด้วย ผมบวชอยู่ ๒ ปีเศษ ก็ลาสิกขาจากสมณเพศ ในปี ๒๕๓๕ จากนั้นก็เข้ารับการเกณฑ์เป็นทหารเรือ สังกัดหน่วยพลาธิการ พอปลดประจำการออกมา ผมไปได้งานทำที่โรงแรมไฮแอท เอราวัณ ๑ ปี จากนั้นได้ย้ายไปทำงานที่โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อปี ๒๕๓๙ ช่วงนั้นได้รับเงินเดือนมากพอสมควร ความสนใจในพระเครื่องยังมีอยู่ จึงใช้เวลาหลังเลิกงานแล้ว ไปเดินดูตู้พระที่ห้างเดอะมอลล์ ท่าพระ ซึ่งมีสนามพระเปิดอยู่ด้วย ผมไปที่นั่นแทบทุกวัน แต่ไม่กล้าเช่าพระ เพราะไม่รู้จักใคร และไม่มั่นใจว่าจะได้พระแท้หรือไม่ เนื่องจากยังดูพระไม่เป็น" มหา แม่กลอง กล่าวถึงการเข้าสนามพระเป็นครั้งแรก

 จากการที่เข้าสนามพระบ่อยๆ จนเจ้าของตู้พระจำได้ จึงแนะนำว่า อยากดูพระเป็นให้ซื้อไปศึกษาเอง รับรองว่า พระที่ให้ไปนี้เป็นพระแท้แน่นอน หากมีปัญหาจะรับคืนทันที ทำให้มหามีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง จึงเริ่มซื้อพระจากเซียนคนนั้นองค์แรก คือ พระสมเด็จหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค เนื้อทองระฆัง หลังเรียบ ในราคา ๔,๕๐๐ บาท และเหรียญหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รุ่นเสมา ๘ รอบ ๑,๕๐๐ บาท จากนั้นได้เอาพระและเหรียญทั้ง ๒ องค์นี้ไปให้เพื่อนที่ทำงานด้วยกันดู ได้รับคำตอบว่าเป็นพระแท้ พร้อมทั้งขอซื้อต่อด้วย

 ตรงจุดนี้ทำให้มหามีความเชื่อในความจริงใจของเซียนพระคนนั้น จึงได้ติดตามซื้อพระจากเขาเป็นประจำ รวมทั้งร้านพระอื่นๆ ในสนามพระแห่งนั้น เงินเดือนที่ได้รับส่วนใหญ่จึงหมดไปกับซื้อพระอยู่เสมอ ทำให้มีพระอยู่ในครอบครองมากพอสมควร

 และเมื่อมีงานประกวดพระ ก็มักจะเอาพระส่งเข้าประกวดด้วย เพื่อเป็นการทดสอบว่าเป็นพระแท้จริงหรือไม่ ปรากฏว่า พระทุกองค์ที่ส่งเข้าประกวดล้วนเป็นพระแท้ทั้งสิ้น หลายองค์ได้รับรางวัลก็มี ทำให้เกิดความสุข และมีใจรักในการสะสมพระเครื่องอย่างจริงจังขึ้นเรื่อยๆ

 จากการที่มีพระอยู่มากพอสมควร มหาบอกว่า ทุกวันหากมีเวลาว่างจะเอาแว่นขยายส่องดูพระเป็นประจำ เพื่อศึกษาหาข้อมูลต่างๆ บนองค์พระอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทุกซอกมุม เพื่อจดจำจุดตำหนิต่างๆ ให้ครบถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระประเภทเหรียญ โดยเฉพาะ เหรียญหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ มีหลายรุ่น เหรียญหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เหรียญหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว และเหรียญหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค รวมทั้งพระเนื้อผง และรูปเหมือนของท่านด้วย

  ต่อมา โรงแรมสยามอินเตอร์ฯ ปิดกิจการ เมื่อกลางปี ๒๕๔๕ เพื่อก่อสร้างเป็นศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยพนักงานทุกคนได้รับเงินชดเชยจากการเลิกจ้าง ทำให้ "มหา" ได้รับเงินก้อนหนึ่งซึ่งมากพอสมควร จึงได้นำเงินก้อนนี้ไปซื้อเหรียญหลักยอดนิยมได้มาหลายเหรียญ

 เหรียญที่ได้มาในช่วงหลังนี้ ส่วนใหญ่ไปได้มาจากสนามพระท่าพระจันทร์ โดยได้มาจากเซียนพระที่มีคุณธรรม รับประกันพระทุกองค์ที่ขายให้ ทำให้คนซื้อสบายใจไปด้วย
 
 จากการที่มีเหรียญพระจำนวนมาก ทำให้ "มหา" เกิดความคิดว่า น่าจะนำมาขายออกไปบ้าง โดยเฉพาะเหรียญที่มีซ้ำๆ กัน โดยคัดเอาเฉพาะเหรียญที่สวยคมชัดมากๆ เก็บเอาไว้ เหรียญที่ซ้ำกันก็ขายออกไป เพื่อจะได้นำเงินมาซื้อเหรียญอื่นๆ เอามาศึกษาต่อ เพื่อเป็นการเพิ่มความรู้และประสบการณ์ให้มากขึ้นด้วย

 "มหา แม่กลอง" จึงได้ยึดเอาสนามพระ ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เป็นที่ทำมาหากิน โดยทำงานอยู่กับ บอย ท่าพระจันทร์ ช่วยกันซื้อขายเหรียญอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้ขอแยกตัวออกมาเปิดตู้พระเป็นของตัวเองโดยเฉพาะ...จนถึงทุกวันนี้

 จากการที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้ชำนาญเรื่องพระเหรียญ จึงทำให้ "มหา แม่กลอง" ได้รับการเชิญชวนให้เข้าแข่งขันในรายการ "แฟนพันธุ์แท้พระเหรียญ" ของ ปัญญา นิรันดร์กุล โดยมีผู้สมัครเข้าแข่งขันมากกว่า ๒๐ คน จนคัดเหลือ ๕ คนสุดท้ายเข้ารอบแข่งขันหน้าจอโทรทัศน์

 จนถึงรอบ ๓ คนสุดท้าย ก็ยังมีชื่อของ มหา แม่กลอง เข้าแข่งขันด้วย และในที่สุดคนที่ชนะเลิศ คือ ต้น ท่าพระจันทร์ ได้เป็นแชมป์แฟนพันธุ์แท้เหรียญพระ ประจำปี ๒๕๕๑

 "แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นแชมป์แฟนพันธุ์แท้เหรียญพระ แต่การได้เข้ารอบ ๓ คนสุดท้าย ผมก็ภูมิใจมากแล้ว เพราะได้ออกโทรทัศน์ มีคนรู้จักทั่วประเทศ ผลดีที่ตามมาคือ มีลูกค้ามาซื้อขายพระที่ร้านผมมากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างเกียรติประวัติให้กับตัวเอง ในการมุ่งมั่นสร้างสรรค์แต่คุณงามความดี ความจริงใจ ความซื่อสัตย์สุจริตต่อลูกค้าตลอดไป" มหา กล่าวด้วยความภูมิใจ

 มาถึงชั่วโมงนี้ มหา แม่กลอง ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชำนาญการเหรียญพระในระดับแถวหน้าคนหนึ่งของวงการพระเครื่องเมืองไทย จนได้รับเกียรติให้เป็น กรรมการตัดสินเหรียญยอดนิยม ของ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย  รวมทั้งได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือ "สุดยอดพระเครื่องเซียนดัง" (หน้า ๓๐๑-๓๑๑) หนังสือรางวัลงานประกวดพระฯ จัดโดย กองทัพภาคที่ ๑ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๒ ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติอีกส่วนหนึ่งที่ มหา แม่กลอง ภูมิใจมาก

 อนาคตของเหรียญพระ มหา บอกว่ายังก้าวหน้าไปอีกไกล เพราะคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งหันมาสนใจสะสมพระ จะมุ่งเน้นเหรียญพระ มากกว่าพระกรุพระเก่า เนื่องจากเหรียญพระดูง่ายกว่า และมีข้อยุติ มีจุดตำหนิที่น่าศึกษาแน่นอนกว่า นอกจากนี้ยังมีตำราบ่งบอกให้รายละเอียดได้อย่างหลากหลาย และที่สำคัญ ทุกวันนี้ร้านพระจะให้หลักประกันที่ดีแก่ลูกค้า โดยเฉพาะหากเป็นพระปลอม หรือพระที่ลูกค้าซื้อไปแล้ว เกิดไม่สบายใจในภายหลัง สามารถนำมาขายคืนได้ ตลอดเวลา อันนี้เป็นกฎกติกาสำคัญที่สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย ได้กำหนดให้ร้านพระทุกร้านยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอดมา

   สำหรับฉายานาม "มหา แม่กลอง" ได้มาจากไหน เจ้าตัวให้คำตอบว่า เพื่อนๆ สมัยเป็นนักเรียนเรียกกันมานานแล้ว เพราะเห็นว่า เป็นคนพูดจานิ่มนวลเรียบร้อย มีจังหวะจะโคลน พูดช้าๆ เหมือนลมพัดชายเขา ฟังแล้วเข้าใจง่าย ไม่วกวน ดุจดังพระมหาเปรียญธรรม ผู้คงแก่เรียน...ประมาณนั้น

 คุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของ มหา แม่กลอง คือ เป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ เพราะอ่านหนังสือทีไร มักจะง่วงนอนเสมอ แต่ถ้าหากใครอ่านให้ฟังแล้ว จะสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ

 รวมทั้งการศึกษาเรื่องของเหรียญพระ หากเหรียญไหน "โดน" (ของปลอม) มาแล้วก็จะจดจำได้ดีเสมอ และจะไม่มีโอกาสผิดพลาดได้อีกอย่างแน่นอน

 ที่ผ่านมา มหา บอกว่า อาจจะ "โดน" เหรียญปลอม มาแล้ว แต่จะไม่ยอมขาย เหรียญปลอม นั้นให้กับใครต่ออย่างเด็ดขาด...สิ่งนี้เป็นคุณธรรมประจำใจ ที่ได้ยึดปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้

 "ผมสะสมพระด้วยความรักและศรัทธาเลื่อมใสเป็นที่ตั้ง โดยไม่ได้ยึดเป็นธุรกิจที่ต้องมุ่งมั่นทำรายได้เป็นหลัก พระบางองค์ เหรียญบางเหรียญ ที่ซื้อมาแล้วจึงไม่ได้เร่งรีบที่จะขายต่อทันทีทันใด เพื่อจะได้เอาทุนคืน โดยบวกกำไรให้มากๆ เหรียญจำนวนไม่น้อยผมจึงยังเก็บสะสมเอาไว้ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสอย่างจริงใจก็มี" มหา แม่กลอง กล่าวตรงไปตรงมา

 คติการดำเนินชีวิต อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา

 ท่านผู้ใดมีปัญหาเรื่องเหรียญพระ เชิญปรึกษาได้ที่ มหา แม่กลอง โทร.๐๘-๖๖๖๗-๓๒๖๕ ทุกคำถามยินดีให้คำตอบเสมอ