
ชั่วโมงเซียน-ดวงตราสองแผ่นดิน ปี ๔๖" หลวงโชติ วัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา
คงจะไม่มีใครที่จะกล้าปฏิเสธ ในอิทธิฤทธิ์บุญญาปาฏิหาริย์ในวัตถุมงคลทางสายจตุคามรามเทพไปได้ และยิ่งเป็นวัตถุมงคลทางฝั่งสายวัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีฐานะเป็นถึงพระอารามหลวง ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะความเกรียงไกรของชื่อวัดนี้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน และชื่อเสียงของท่านคือพระอาจารย์อติโชติ ธัมมวโร หรือพระอาจารย์โชติ ที่เหล่าลูกศิษย์มอบใจเคารพศรัทธากัน ย่อมเป็นเครื่องการันตีได้ว่า ในระยะเวลาต่อไปในอนาคต เมื่อความนิยม ในองค์พ่อจตุคามรามเทพกลับมา วัตถุมงคลที่ออกมาสู่สาธารณะชนที่เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ ก็คงจะต้องขึ้นมายืนแท่น ให้ทุกผู้คนที่สนใจเช่าหาบูชากันอย่างคึกคักเหมือนอย่างแต่ก่อนมา อย่างไม่ต้องกังวล
ยิ่งถ้าเอ่ยถึงจตุคามรามเทพของวัดพุทไธศวรรย์ ก็คงที่อดกล่าวถึงวัตถุมงคลในยุคแรกๆไปไม่ได้ ด้วยวัตถุมงคลในยุคแรกๆเหล่านี้นี่แหละ ที่ได้เหมือนกับเป็นการปูทางเปิดประตู ทั้งดึงกระแสความนิยมในองค์พ่อจตุคามรามเทพ ให้เข้าสู่วัดพุทไธศวรรย์อย่างท่วมท้น จนเป็นที่รู้กันว่าในยุคแห่งความรุ่งเรืองในองค์พ่อจตุคามฯ ผู้คนจากทั่วสารทิศจำนวนมากส่วนหนึ่ง ไม่ได้ลงไปจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อชื่นชมบารมีขององค์จตุคามฯ แต่กลับมุ่งตรงเข้าสู่วัดพุทไธศวรรย์อย่างมืดฟ้ามัวดิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน จนวัตถุมงคลสายนี้โด่งดังจนสะท้านวงการจตุคามฯมาแล้ว
วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ประเภทเนื้อผงในรุ่นแรก ของวัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งได้มีการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๖ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พระผงสุริยัน-จันทรา ดวงตราสองแผ่นดิน” โดยวัตถุมงคลในยุคต้นที่กล่าวมานี้ เหตุหนึ่งของอานุภาพซึ่งเป็นที่ประจักษ์ นอกจากบารมีขององค์พ่อจตุคามฯที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว อีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการ การดูแลการจัดสร้างอย่างทุ่มเทถวายใจของครูเย็น คำมี ซึ่งท่านเป็นบุตรบุญธรรมของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และเป็นหลานของหลวงปู่แก้ว เกสาโร สุดยอดแห่งพระอริยะสงฆ์ของจังหวัดระยอง ซึ่งท่านได้เรียนวิชาอาคม ตลอดรวมถึงการจัดสร้างวัตถุมงคลกับหลวงปู่ทิมมาตั้งแต่ในวัยเด็ก ซึ่งมวลสารส่วนใหญ่ที่ได้มีการผสมลงในเนื้อพระ นอกจากจะมีส่วนผสมต่างๆ ที่มีคุณวิเศษนานับการ เช่น ผงว่าน ๑๐๘ , ผงพระกรุเก่าสมัยอยุธยา , พระผงสุริยัน-จันทรา ปี ๓๐ , ผงธูปและดินหลักเมืองทั่วประเทศ , ผงใบลานเก่าสมัยอยุธยา ฯลฯ
แต่ส่วนผสมหลักส่วนใหญ่จะเป็นผงพรายกุมาร เส้นเกศาและเถ้าอังคาร ของหลวงปู่ทิม โดยครูเย็น คำมี ได้เป็นผู้มอบมวลสารมงคลดังกล่าวให้กับวัดพุทไธศวรรย์ เพื่อนำมาสร้างองค์พ่อจตุคามรามเทพ ซึ่งครูเย็นท่านจะเป็นผู้ผสม ส่วนผสมและมวลสารต่างๆ ด้วยตัวของท่านเอง จึงไม่น่าแปลกใจไปเลยว่า ทำไมพระผงองค์พ่อจตุคามรามเทพ ในรุ่นนี้ ถึงได้มีเนื้อหาคล้ายคลึกกันกับ พระขุนแผนผงพรายกุมาร ของหลงปู่ทิม แห่งวัดละหารไร่ รวมถึงครูเย็น ท่านได้เป็นผู้กดพิมพ์วัตถุมงคลในรุ่นนี้ด้วยตัวของท่านเองอีกด้วย.. ซึ่งเมื่อหากได้ทราบมาถึงตรงนี้แล้ว จึงทราบกันดีได้ว่าวัตถุมงคล ในประเภทเนื้อผงในรุ่นแรกนี้.. เป็นวัตถุมงคลที่สร้างและกดพิมพ์กันเองจากภายในวัดพุทไธศวรรย์ทั้งสิ้น มิได้ว่าจ้างโรงงานใดในการจัดสร้าง โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการจัดสร้างเพื่อหาปัจจัยในการสร้างพระเมรุ และศาลาธรรมสังเวช ของวัดพุทไธศวรรย์ และได้มีการนำเข้าพิธีปลุกเสกวันวันและวาระ ที่สำคัญอย่างยิ่ง ๒ วาระ คือ
ครั้งแรก ที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช วิทยาลัยวังสนามจันทร์ จ.พิษณุโลก โดยหลวงพ่อโชติ จากวัดพุทไธศวรรย์ และร่างทรง(โกผ่อง) ซึ่งได้เกิดเหตุมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ คือปรากฎการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด เริ่มตั้งแต่ออกเดินทาง จาก จ.พระนครศรีอยุธยา ในขณะมุ่งตรงไปยังสถานที่ประกอบพิธีกรรมที่ จ.พิษณุโลก กินเวลาตลอดระยะเวลาในการเดินทางถึง ๓ ชั่วโมง ซึ่งไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในการปลุกเสกในพิธีใดๆ
ครั้งที่สอง ได้มีการจัดให้มีพิธีปลุกเสก ณ บริเวณพระปรางค์ประธาน ของวัดพุทไธศวรรย์ โดยมี พระครูภัทรกิจโสภณหรือ หลวงพ่อหวล เจ้าอาวาส องค์ปัจจุบันเป็นประธานในพิธี และพระอาจารย์โชติ เข้าร่วมปลุกเสกอธิษฐานจิต เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๖ ซึ่งเป็นวันที่เกิดปรากฎการณ์สุริยุปราคา
ในการจัดสร้างพระผงสุริยัน-จันทรา ดวงตราสองแผ่นดินนั้น จำนวนวัตถุมงคลที่สร้างได้ ที่ได้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน คือมีจำนวนการสร้างโดยประมาณ ๕๐๐๐ องค์ โดยแบ่งเป็นแบบธรรมดาและแบบพิเศษ ซึ่งได้มีการปิดทองและด้านหลังฝังตะกรุดจ้าวทะเลใต้ , ตะกรุดสาลิกา รวมประมาณทั้งสิ้น ๔๐๐ องค์ เพื่อเป็นการสมนาคุณ ให้กับผู้ร่วมทำบุญถวายกองผ้าป่า ในปี ๒๕๔๖ และแจกกรรมการร่วมงาน ในวันตั้งรูปเหมือนองค์พ่อจตุคามรามเทพ หน้าตัก ๒๙ นิ้ว ในวิหาร อีกประมาณ ๑๐๐ องค์ โดยปิดทองด้านหน้าเฉพาะในส่วนที่เป็นกงจักรและองค์พ่อ ตรงกลางดวงตรา ด้านล่างจะมีผ้าม่วง(ผ้าผูกหลักเมือง พิธีเปิดศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช ปี ๒๕๓๐) และด้านหลังจะมีสายสะดือพ่อ(ไหม ๗ สี พิธีตั้งรูปเหมือน องค์พ่อ ๒๙ นิ้วในวิหาร)ติดอยู่
ลักษณะของพิมพ์ทรง จะเป็นลักษณะพิมพ์ทรงแบบทรงกลมน้ำตาลแว่น กว้างประมาณ ๔ ซ.ม. ด้านหน้าตรงกลาง จะเป็นรูปองค์พ่อจตุคามฯประทับนั่งอยู่เหนือบัลลังก์นาค ในท่ามหาราชลีลา ซึ่งมีเศียรพญานาคปรกอยู่ ๗ เศียร รายล้อมรอบด้วยสิบสองนักษัตร และตรากงจักร ส่วนด้านรอบนอกสุดจะโอบล้อมด้วยพญาราหู ๘ ตน ตามคติความเชื่อ และเป็นสัญลักษณ์ของดวงตราศักดิ์สิทธิ์ของชาวศรีวิชัยโบราณ.. ส่วนด้านหลัง จะเป็นการลงอักขระตัวย่อ วิชาจันทรภาณุเหนือฟ้าเหนือดิน กำกับไว้ในด้านหลัง
จตุคามรามเทพ รุ่นดวงตราสองแผ่นดิน นั้นถือได้ว่าเป็นวัตถุมงคลประเภทเนื้อผง รุ่นแรก ของสายวัดพุทไธศวรรย์ หากจะเทียบถึงจำนวนของการจัดสร้างแล้ว ถือได้ว่า สร้างออกมาไม่มากจนเกินไปเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ของวัดพุทไธศวรรย์ ปัจจุบันยิ่งเป็นลักษณะของ พิมพ์ทรงพิเศษที่มีการปิดทอง , ฝังตะกรุด ,รวมถึงเหล็กไหล(พญาเหล็ก) , หรือไหม ๗ สี ด้วยแล้ว.. จึงหายากเป็นทวีคูณ..
แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ราคาก็ยังคงไม่สูงมาก จนถึงขนาดแตะไม่ได้ แต่ปัญหาที่สำคัญกับอยู่ที่ว่า ผู้ที่มีไว้ในครอบครองนั้น จะกล้าตัดใจนำออกให้ผู้อื่นเช่าบูชาหรือไม่ เพราะแค่สร้างด้วยเนื้อผงพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม แห่งวัดละหารไร่ ยิ่งรวมถึงฝังตะกรุดสาลิกาด้วยแล้ว แค่นี้ก็ยากนักที่ผู้ที่ครอบครองไว้จะปล่อยให้หลุดมือ คงต้องสู้ราคากัน และขึ้นอยู่ที่บุญบารมีของแต่ละบุคคล
สำหรับผู้ติดตามคอลัมน์นี้ ระหว่าง ๔-๕ เดือน นี้ผมไปแสวงโชคที่เมือง เบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน หากผมได้พบเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับความเชื่อความศรัทธาของคนไทยที่เบอร์ลิน รวมทั้งคนเยอรมันนีเองก็จะมาเขียนเล่าสู่กันฟังครับ
ธนเดช จตุคามฯ