รู้จัก "พระกลักฝิ่น" วัดสุทัศน์ แก้บาป ขอขมากรรม ถอนคำสาบาน กลับใจได้ดีทุกคน
ใครที่เคยทำผิด อยากจะสารภาพบาป ขออโหสิกรรม ขอขมากรรม หรือถอนคำสาบาน เพื่อกลับตัวกลับใจคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดี ก็ไปตั้งจิต ขอขมากรรมต่อองค์พระกลักฝิ่นนี้ได้ เพราะก่อนที่ท่านจะมาเป็นองค์พระให้กราบไหว้ ท่านก็เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายมาก่อน
“พระกลักฝิ่น” หรือ “พระพุทธเสรฏฐมุนี” พระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นพระพุทธรูปที่หล่อจากกลักฝิ่น ประดิษฐานเป็นพระประธาน ตั้งอยู่ ณ ศาลาการเปรียญ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงต้องการบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเพื่อส่งเสริมพสกนิกรให้เป็นพลเมืองดี มีศีลธรรม มีความรู้และสติปัญญา ขณะนั้นมีชาวต่างชาตินำฝิ่นเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งฝิ่นจัดอยู่ในประเภทสิ่งเสพติดชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้คนขาดสติ มองว่าบั่นทอนความมั่นคงของบ้านเมืองจึงมีพระราชโองการปราบฝิ่น ได้มีการกวาดล้างฝิ่นครั้งใหญ่ใน พ.ศ.2382 ได้ฝิ่นดิบกว่า 3,700 หาบ ฝิ่นสุก 2 หาบ น้ำหนักรวม 222,120 กิโลกรัม ในเวลานั้นคิดเป็นเงินกว่า 18 ล้านบาท โปรดรวมมาเผาทำลายที่สนามชัย หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท
เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2382 ทรงนำกลักฝิ่นจำนวนมากหล่อเป็นพระพุทธปฏิมากร ณ โรงหล่อของหลวงในพระบรมมหาราชวัง อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ศาลาการเปรียญ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร เมื่อแรกผู้คนเรียกว่า “พระกลักฝิ่น” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า “พระพุทธเสรฏฐมุณี” แปลว่า พระผู้ประเสริฐสุด มีความหมายว่า ผู้ติดสิ่งเสพติดทั้งหลาย สามารถกลับใจเป็นคนดีได้เสมอ ย่อมสว่างรุ่งเรืองเหมือนพระพุทธรูปที่ทรงสร้าง อันจะเป็นพลังแข็งแกร่งชนะจิตใจให้เหินห่างสิ่งเสพติดได้
ดังนั้นใครที่เคยทำผิด อยากจะสารภาพบาป ขออโหสิกรรม ขอขมากรรม หรือถอนคำสาบาน เพื่อกลับตัวกลับใจคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีก็ขอเชิญไปตั้งจิต ขอขมากรรมต่อองค์พระกลักฝิ่นนี้ได้ เพราะก่อนที่ท่านจะมาเป็นองค์พระให้กราบไหว้ ท่านก็เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายมาก่อน เสมือนคนที่ทำผิดและคิดกลับตัว จากของที่ต่ำที่สุดกลายเป็นสิ่งมงคลสูงสุดที่ผู้คนทั่วไปต่างกราบไหว้บูชา หรือนี่คงเป็นปริศนาธรรมที่พระมหาเจษฎาราชเจ้าท่านสร้างไว้เพื่อเตือนสติและเตือนใจพร้อมให้กำลังใจลูกหลานในรุ่นหลัง ที่คิดจะกลับตัวเป็นคนใหม่ให้ได้ระลึกนึกถึงไว้
คาถาบูชา "พระกลักฝิ่น"
อิมัง มิฉา อธิฐานัง ปันจะทะธาราปิ
ทุติยัมปิ อิมัง มิฉา อธิฐานัง ปันจะทะธาราปิ
ตะติยัมปิ อิมัง มิฉา อธิฐานัง ปันจะทะธาราปิ
ข้าพเจ้าขอถอนคำอธิฐาน ถอนคำสาปแช่ง คำบนบานที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้นพร้อมด้วยกิเลส ด้วยตัณหา ด้วยอุปทาน ด้วยโทสะ ด้วยโมหะ ด้วยมานะ ด้วยมิจฉาทิฐิ เป็นไปเพื่อความพยายาม เพื่อเบียดเบียน สร้างเวรสร้างกรรม ไม่ประกอบด้วยธรรม ไม่ประกอบด้วยวินัย ไม่ประกอบด้วยกุศลไม่ประกอบด้วยปัญญา ไม่ประกอบด้วยบารมี ที่ข้าพเจ้าได้อธิฐานไว้ สาปแช่งไว้ สัญญาไว้ ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบีนชาติก็ดี
ลูกขออำนาจพระบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระรัตนตรัยและเทพพรหมทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ชั้นบาดาล แม่พระธรณีได้โปรดเป็นสักขีพยาน ในการที่ลูกขอถอนคำอธิฐานเหล่านั้น ถอนคำแช่ง ถอนคำสาป ถอนคำสาบาน ถอนคำสัญญา ร้อยหน พันหน ณ กาลบัดนี้เทอญ
ตั้งจิตให้แน่วแน่ แล้วกล่าวคาถาต่อ
นะถอน โมถอน พุทธถอน ทาถอน ยะถอน นะคลอน โมคลอน พุทธคลอน ทาคลอน ยะคลอน ถอนด้วย นะโมพุทธายะ นะมามิยัง
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ : หนังสือ 108 องค์พระปฏิมา พระพุทธรูปคู่แผ่นดิน / https://www.dra.go.th/th