"เทพเจ้าเมืองหน่อไม้ไผ่ตง" หลวงพ่อเอีย แห่งวัดบ้านด่าน
หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบในวัตถุมงคล ทางด้านคงกระพันชาตรี มหาอุดแคล้วคลาด เมตตามหานิยมมหาโชคมหาลาภ แนะนำให้ลองศึกษาของหลวงพ่อเอีย ซึ่งนับวันจะหายากขึ้นเรื่อยๆ
หลวงพ่อเอียเป็นคนบ้านด่านโดยกำเนิด ท่านถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2448 บิดาชื่อ เธียว มารดาชื่อ มา นามสกุล ขยันคิด ทั้งสองถึงแก่กรรมตั้งแต่หลวงพ่อเอียยังเป็นเด็ก
หลวงพ่อเอียมีอายุ 17 ปีจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2465 หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้วก็ศึกษาพระปริยัติธรรมมาตามลำดับ ต่อมาท่านได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ว่าหลวงปู่ศุขเป็นผู้ทรงคุณวิเศษทางกรรมฐานและวิทยาคม ทั้งมีภูมิธรรมสูง หลวงพ่อเอียจึงได้เดินธุดงค์ไปกราบนมัสการหลวงปู่ศุขถึงที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า และถวายตัวเป็นศิษย์ปรนนิบัติรับใช้ ทั้งยังได้ศึกษาพระกรรมฐานและวิทยาคมจากหลวงปู่ศุข
ช่วงที่หลวงพ่อเอียอยู่กับหลวงปู่ศุขนั้น ได้ทันเห็นเสด็จเตี่ยหรือกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จไปกราบนมัสการหลวงปู่ศุขอยู่เป็นประจำ
เมื่ออายุครบบวช หลวงพ่อเอีย จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2468 ณ พัทธสีมาวัดสัมพันธ์ ต.สัมพันธ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยมีพระครูสังวรกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการอ้วน วัดชัยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการเคน เจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน เป็นอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อเอียอุปสมบทได้รับฉายาว่า "กิตติโก"
หลวงพ่อเอียได้เรียนวิทยาคมจากพระธุดงค์อีกรูปหนึ่ง พระธุดงค์รูปนี้มีชื่อว่า พระอาจารย์โกลั่นฟ้า นัยว่าเป็นศิษย์ของสำเร็จลุน โดยพระอาจารย์โกลั่นฟ้าได้ธุดงค์มาจากประเทศลาว มาปักกลดอยู่ภายในบริเวณวัดบ้านด่านนั่นเอง หลวงพ่อเอียได้นิมนต์ให้พระอาจารย์โกลั่นฟ้าจำพรรษาอยู่ที่วัด หลวงพ่อเอียได้ศึกษาวิชาจากพระอาจารย์โกลั่นฟ้านาน 6 เดือนกว่า ๆ หลังจากนั้นพระอาจารย์โกลั่นฟ้าก็ออกเดินธุดงค์ต่อไป
หลวงพ่อเอียเล่าว่าขณะที่หลวงพ่อกำลังครองจีวรเพื่อที่จะออกไปส่งพระอาจารย์โกลั่นฟ้านั้น ปรากฏว่าพระอาจารย์โกลั่นฟ้าหายได้ไปแล้ว หลวงพ่อเอียรีบเดินตามเท่าไรก็ไมทัน ท่านว่าพระอาจารย์โกลั่นฟ้าสำเร็จวิชาย่นระยะทางได้
พ.ศ.2482 หลวงพ่อเอียได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน ซึ่งยังเป็นยุคที่บ้านเมืองยังอยู่ในภัยสงคราม วัตถุมงคลของหลวงพ่อเอียมีประสบการณ์คุ้มครองทหารและประชาชนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
ประชาชนที่มาหาหลวงพ่อเอียนั้น มีทั้งที่มาขอรับวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง มาขอน้ำมนต์ไปดื่มและอาบเป็นศิริมงคล ขณะที่หลวงพ่อเอียมอบวัตถุมงคลให้ หลวงพ่อเอียจะสอนให้เป็นคนดีมีศีลธรรม ผู้เขียนนี้ยังจำเสียงสำเนียงของหลวงพ่อเอียเวลาที่ท่านพูดได้ ถ้าเป็นคนทางกรุงเทพฯไปกราบท่านก็จะพูดภาษาภาคกลาง ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปท่านก็จะพูดเป็นภาษาอิสาน ซึ่งเป็นภาษาอิสานแบบปราจีนบุรี เวลาที่ท่านสนทนากับมารดาของผู้เขียนจะคุยเป็นภาษาอิสาน ซึ่งผู้เขียนได้ยินชัดเจน แต่พอหลวงพ่อเอียท่านคุยกับผู้เขียนท่านก็จะพูดแบบคนกรุงเทพฯ
ในช่วงพ.ศ. 2510 ขึ้นมานั้น พระอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีชื่อเสียงขึ้นมาจนเป็นกระแสนิยมพระกรรมฐาน พระอาจารย์ฝ่ายวิทยาคมหรือพระเกจิอาจารย์นั้นมีผู้กล่าวถึงน้อยลงไปมาก แต่หลวงพ่อเอียเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ฝ่ากระแสพระสายกรรมฐานขึ้นมาได้ โดยมีชื่อเสียงเกียรติคุณร่วมสมัยกันกับพระอาจารย์รูปสำคัญๆ ของสายหลวงปู่มั่น แม้แต่การอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลของพระสายกรรมฐานในจังหวัดปราจีนบุรี ก็ยังต้องนิมนต์หลวงพ่อเอียมาร่วมอธิษฐานจิตอยู่เสมอ
ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อเอียจึงเลื่องลือระบือไกล มีประชาชนแห่ไปให้ท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บ แม้แต่คนบ้าเสียสติ สติฟั่นเฟือน คนที่ถูกคุณไสย คุณภูตผีปีศาจหรือถูกกระทำยยำเยียลมเพลมพัด ต่างก็มุ่งหน้ามาขอให้หลวงพ่อเอียรักษาให้ หลวงพ่อเอียไม่เคยเรียกร้องเงินทองเป็นค่ารักษาเลยแม้แต่รายเดียว บางรายมาไกลอาการหนักก็ต้องพักอยู่ที่วัดเป็นแรมเดือน อาหารการกินของผู้ป่วยหลวงพ่อเอียเมตตาเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด คิดเป็นเงินเดือนละหลายหมื่นบาท ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงมากในสมัยนั้น
วัตถุมงคลของหลวงพ่อเอียทุกรุ่นเป็นที่นิยมกันมาก นับวันจะหายากขึ้นเรื่อยๆ ประสบการณ์วัตถุมงคลของหลวงพ่อเอียมีทั้งหนังเหนียวอยู่ยงคงกระพันมหาอุดแคล้วคลาด เมตตามหานิยมมหาโชคมหาลาภ มีวัตถุมงคลเนื้อผงผสมว่านรุ่นหนึ่งเรียกันว่ารุ่นไล่ควาย ซึ่งความจริงน่าจะเรียกว่ารุ่นควายไล่มากกว่า เรื่องมีอยู่ว่า
วันหนึ่งลูกศิษย์ของท่านแวะมากราบท่าน ลูกศิษย์ท่านนี้เห็นพระเนื้อผงผสมว่านรุ่นนี้วางตากอยู่ โดยที่หลวงพ่อเอียยังปลุกเสกไม่เสร็จ แต่ด้วยความอยากได้พระจึงหยิบเอาไปก่อน
ปรากฏว่าวันหนึ่งเดินผ่านควายตัวใหญ่แล้วเกิดเหตุการณ์หวาดเสียวขึ้น ควายตัวที่เห็นนั้นอยู่ ๆ ก็เกิดอาละวาดวิ่งไล่ขวิดศิษย์หลวงพ่อเอียจนล้มลุกคลุกคลาน โดนเขาควายแหลม ๆ ตักเข้าที่ลำตัวหลายครั้งจนเสื้อกางเกงขาดรุ่งริ่ง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย พอวิ่งหนีควายก็วิ่งไล่ขวิดตามหลังมาตลอด จึงเรียกวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่ารุ่นไล่ควาย
พระองค์ที่เป็นต้นตอของชื่อรุ่นไล่ควายเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเอียพิมพ์สี่เหลี่ยม รุ่นไล่ควายนี้มีพิมพ์พระสมเด็จขนาดเล็กด้วย (ไม่เล็กนัก)
ของขลังของหลวงพ่อเอียอีกแบบหนึ่งดูแล้วไม่มีราคาเพราะเป็นแค่ก้อนขี้ผึ้งแห้ง ๆ แต่ลูกศิษย์ต่างอยากได้กันมาก ของชิ้นนี้เรียกกันว่า นวด มีคุณวิเศษใช้ได้สารพัด เป็นเมตตามหานิยมมหาโชค คุ้มครองป้องกันภัยกันคุณไสยต่าง ๆ
วิชาสำคัญของหลวงพ่อเอียอีกวิชาหนึ่งเป็นวิชาเสกปรอทห้าสี ท่านได้เรียนวิชานี้มาจากหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นวิชาเสกปรอทให้แข็งเป็นก้อนด้วยอำนาจจิต โดยจะทำเป็นเม็ดปรอท 5 เม็ด เสกให้ปรอทแข็งและแต่ละก้อนเสกแล้วจะเกิดมีสีไม่เหมือนกัน ปรอทชุดนี้ท่านจะใส่เอาไว้ที่ก้นย่าม คุณวิเศษครอบจักรวาล ที่แปลกคือเวลาที่จะมีใครมาหาท่าน ปรอทชุดนี้จะขยับตัวกรุก ๆ กรัก ๆ บอกให้ท่านรู้ตัว
หลวงพ่อเอียได้สงเคราะห์สาธุชนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จนมีประชาชนเคารพเลื่อมใสท่านเป็นอันมาก ถึงกับเรียกขนานนามหลวงพ่อเอียว่า "เทพเจ้าเมืองหน่อไม้ไผ่ตง" หลวงพ่อเอียสงเคราะห์ประชาชนด้วยความเมตตาตลอดมา จนกระทั่งถึงวันมรณภาพ วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2521 รวมสิริอายุ 73 ปี
ขอบคุณเรื่องราวและภาพประกอบ : www.dharma-gateway.com/