พระเครื่อง

'ผมชอบซื้อเหรียญเก่าที่หายาก แพงแค่ไหนก็สู้'ชรินทร์ สงขลา เจ้าของเหรียญหลวงปู่ไข่ ๑๒ ล้านบาท

'ผมชอบซื้อเหรียญเก่าที่หายาก แพงแค่ไหนก็สู้'ชรินทร์ สงขลา เจ้าของเหรียญหลวงปู่ไข่ ๑๒ ล้านบาท

21 มี.ค. 2553

ชรินทร์ ทางรัตนสุวรรณ หรือที่วงการพระเครื่องรู้จักกันดีในนาม ชรินทร์ สงขลา เพราะเป็นชาวสงขลาโดยกำเนิด บ้านเกิดอยู่ที่ตลาด อ.จะนะ แหล่งปลูกส้มหัวจุกอันโด่งดังในอดีต

สมัยเด็ก เรียนหนังสือชั้นประถมที่ อ.จะนะ แล้วไปต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ ในตัวเมืองสงขลา รุ่นเดียวกับ ภิยวัฒน์ วัฒนายากร (แต๊ก สงขลา) เซียนพระชื่อดังคนหนึ่งของวงการพระ

 เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม ๖ ชรินทร์ก็มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เข้าเรียนต่อในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พอเรียนจบรับปริญญาเสร็จ ทางบ้านก็เรียกตัวให้กลับไปช่วยทำงานร้านขายทอง อันเป็นอาชีพดั้งเดิมของพ่อแม่ ทำอยู่ได้ไม่กี่ปีก็เบื่อ เลยออกมาซื้อขายพระในกรุงเทพฯ เพราะเป็นเรื่องที่ชอบอยู่ก่อนแล้ว

 ชรินทร์ เล่าย้อนอดีตที่ผ่านมาว่า "สมัยเป็นเด็กอยู่ที่บ้าน เห็นพ่อซื้อหนังสือพระมาอ่าน หลายเล่มด้วยกัน ผมลองหยิบมาเปิดดูบ้าง รู้สึกว่าเรื่องพระเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย องค์พระเล็กๆ ก็มีการซื้อขายกัน เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นจุดขาย สมัยนั้นพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ มีคนเช่าหากันมากแล้ว เพราะเลื่องลือกันว่า พระหลวงพ่อทวดมีความศักดิ์สิทธิ์มากเหมือนกัน ต่อมาเมื่อเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ ความชื่นชอบในเรื่องพระเครื่องยังมีอยู่ จึงซื้อหนังสือพระมาอ่านเอง เห็นพระที่ลงโฆษณา จึงลองติดต่อโทรไปขอซื้อพระที่ประกาศขาย ขณะเดียวกันพอมีเวลาว่างจากการเรียนก็ไปเดินเล่นตามสนามพระท่าพระจันทร์ ได้รู้จักกับเซียนพระบางคน จึงได้ขอซื้อพระจากเขา พระที่ซื้อในครั้งนั้น คือ พระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ทำเอาคนขายตกใจ เพราะเห็นผมเป็นเด็กหนุ่ม แต่กล้าซื้อพระราคาแพงๆ เรียกว่าเป็นการเล่นพระแบบก้าวกระโดด ที่กล้าซื้อเพราะผมมีเงินอยู่แล้ว และมีความเชื่อถือในเซียนพระท่านนั้น แต่มารู้ความจริงภายหลังว่า พระที่ซื้อในครั้งนั้น เป็นพระแท้ก็จริง แต่มีรอยอุดซ่อม ราคาที่ซื้อก็แพงเกินสภาพจริงองค์พระ จึงได้นำไปคืนเขา โชคดีที่เขารับคืน แต่ได้สร้างรอยด่างให้แก่ผม ที่ต้องจดจำจนทุกวันนี้ เพียงก้าวแรกที่เข้ามาในวงการ ก็โดนซะแล้ว เมื่อมาถึงวันนี้ ผมจึงให้สัจจะกับตัวเองว่า พฤติการณ์เช่นนี้ ผมจะไม่ทำกับคนอื่นอย่างเด็ดขาด"

 จากบทเรียนครั้งนั้น ทำให้ ชรินทร์ ต้องตั้งต้นใหม่ โดยเริ่มเช่าจากพระที่มีราคาไม่แพงนัก และจากเซียนที่น่าเชื่อถือเท่านั้น ที่หาง่ายคือ พวกเหรียญเก่าๆ ที่ไม่ปรากฏรายละเอียดบนหน้าเหรียญ ซึ่งคนจะรู้จักกันน้อย จึงมักจะไม่มีของปลอม อาศัยเหรียญเหล่านี้มาศึกษาหารายละเอียดในตัวเหรียญ กรรมวิธีการปั๊มเหรียญ การตัดขอบ ความเก่าของโลหะ ตลอดจนจุดสังเกตอื่นๆ ในตัวทั้งหมด ก็ได้เป็นข้อมูลในระดับหนึ่ง สำหรับการเช่าหาเหรียญดังๆ ของวงการพระต่อไป

 "ในช่วงนั้น ผมยังเรียนไม่จบ ม.หอการค้า เหรียญที่ซื้อก็เพื่อเก็บเอาไว้ ไม่ได้คิดขายต่อแต่อย่างใด พอเรียนจบกลับไปช่วยพ่อแม่ขายทองที่บ้าน ก็ยังหาซื้อเหรียญพระอยู่ มีชาวบ้านรู้ว่า ผมชอบซื้อเหรียญ มีอะไรก็เอามาขายให้ถึงบ้าน ช่วงนั้นทำให้ผมได้เหรียญพระเกจิอาจารย์เก่าๆ ของปักษ์ใต้มากพอสมควร สำหรับตลาดพระที่หาดใหญ่ ผมไม่เคยเข้าไปซื้อหาพระอะไรเลย รวมทั้งพระหลวงพ่อทวด แม้ว่าจะนะอยู่ไม่ไกลจากวัดช้างให้ก็ตาม พระหลวงพ่อทวดที่ใรอยู่ไว้บ้าง ล้วนทำบุญเช่ามาจากทางวัดช้างให้โดยตรง เพื่อไว้ใช้ติดต่อ โดยเฉพาะแหวน ที่ผมเอาให้ช่างเลี่ยมเป็นแหวนทองคำ โดยมีหัวแหวนเป็นรูปหลวงพ่อทวด ที่ผมได้สวมใส่มาจนถึงทุกวันนี้" ชรินทร์ เล่าถึงเรื่องที่ผ่านมา

 อยู่ช่วยทางบ้านขายทองอยู่ไม่กี่ปี ชรินทร์ รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ วันๆ นั่งเฝ้าตู้ทอง โดยไม่รู้ว่าจะขายได้หรือไม่ ลูกค้าจะมาซื้อเมื่อไร พิจารณาดูแล้ว สู้ซื้อขายพระไม่ได้ ชีวิตมีรสชาติกว่าเป็นไหนๆ จึงขออนุญาตทางบ้าน เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ที่บ้านรู้ว่าจะไปทำธุรกิจเรื่องพระ ก็ชักจะเป็นห่วง ว่าจะไปไหวหรือ ? จะไปถูกใครหลอกเอาหรือเปล่า ตัวเราเองมีความสามารถถึงขั้นนั้นเชียวหรือ ? ... เป็นเรื่องที่พ่อแม่เป็นห่วงไปเสียทั้งหมด

 ชรินทร์ เล่าต่ออีกว่า "เมื่อได้เลือกทางเดินเองแล้ว ยังไงก็ต้องเอาตัวรอดได้แน่ ผมยืนยันกับทางบ้านว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงที่เข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ๆ ผมไปอาศัยแผงพระของคนที่รู้จักกัน อาศัยวางพระขายด้วย ต่อมาพอมีแผงว่าง ผมก็เซ้งแผงเอาไว้ทันที ทำให้ได้ที่ทำมาหากินเป็นหลักแหล่ง ตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นกับอาชีพใหม่นี้มาก พอมีใครเอาพระเข้ามาขาย หากเป็นประเภทเหรียญที่น่าสนใจ ก็จะซื้อเอาไว้ เพราะผมพอจะพิจารณาเหรียญดังๆ ได้แล้วในระดับหนึ่ง จนมั่นใจได้ว่าไม่มีพลาดแน่ แต่หากเป็นพระประเภทอื่นที่ไม่คุ้นเคย ก็จะเรียกให้พรรคพวกมาช่วยกันดูช่วยกันซื้อ บางครั้งก็ซื้อขายกันเองในหมู่เพื่อนๆ ก็มี ชีวิตจึงเต็มไปด้วยรสชาติ ความสนุกสนาน ท้าทาย และน่าตื่นเต้นด้วย ในบางครั้งจะมีผู้มาบอกให้ไปซื้อพระที่โน่นที่นี่ ตามต่างจังหวัดก็มี เคยได้เหรียญหลักยอดนิยมาแล้วหลายครั้งเหมือนกัน การใช้ชีวิตอย่างนี้ ผมจึงรู้สึกรักและชื่นชอบจริงๆ"

 จากสนามพระท่าพระจันทร์ ชรินทร์ ได้ขึ้นไปเปิดร้านอีกแห่งหนึ่งที่ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โดยจะอยู่ที่ร้านบนนี้เฉพาะวันอังคาร กับวันศุกร์ ส่วนที่สนามพระท่าพระจันทร์ จะอยู่ในช่วงวันจันทร์-พุธ-พฤหัสบดี

 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชรินทร์ อยู่ในสนามพระอย่างสมถะ สันโดษ เรียบง่าย ไม่เป็นข่าวแต่อย่างใด มาจนถึงเมื่อปีก่อน ชื่อของชรินทร์ได้โด่งดังไปทั่ววงการพระ เมื่อเขาซื้อ เหรียญหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน (วัดบพิตรภิมุข) กทม. รุ่นแรก ในราคาเฉียด ๔ ล้านบาท ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า "'ผมชอบเหรียญเก่าที่หายาก แพงแค่ไหนก็สู้"

 ต่อมาอีกไม่นานนัก มีผู้นำเหรียญหลวงปู่ไข่ เข้ามาขายในสนามอีกเหรียญหนึ่ง ซึ่งสวยกว่าเหรียญที่ชรินทร์ซื้อไว้ก่อนหน้านี้มากมาย และเมื่อข่าวนี้มาถึงชรินทร์ เขาไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปอย่างง่ายดาย ขอซื้อ เหรียญหลวงปู่ไข่ อันนี้ต่อทันที ในราคา ๘ ล้านบาท ด้วยเหตุผลเดียว ทั้งๆ ที่ชรินทร์ยอมรับว่ายังไม่เคยมีประสบการณ์อภินิหารเกี่ยวกับเหรียญนี้มาก่อนก็ตาม

 ทำให้ทุกวันนี้ ชรินทร์ มีเหรียญหลวงปู่ไข่ สวยคมชัดอยู่ถึง ๒ เหรียญ ในราคารวมกัน ๑๒ ล้านบาท และหากว่ายังมีใครเอาเหรียญนี้มาขายอีก หากสวยกว่านี้ ชรินทร์ยืนยันว่า จะซื้ออีกอย่างแน่นอน เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง

 สำหรับประวัติของเหรียญนี้ สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๔๐ จำนวนคาดว่าน่าจะเท่ากับอายุของหลวงปู่ ประมาณไม่เกิน ๗๐ เหรียญ แต่คนเฒ่าคนแก่ที่เกิดทันสมัยนั้น บอกว่า ไม่น่าจะเกิน ๒๐ เหรียญด้วยซ้ำไป ขณะที่ พระปิดตาหลวงปู่ไข่ ซึ่งว่าหายากและแพงมากแล้ว ก็ยังหาง่ายกว่าเหรียญนี้ด้วยซ้ำไป

 สำหรับ เหรียญเก่า หายาก ที่ชรินทร์ได้สะสมเอาไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญพระเกจิอาจารย์สายใต้ อาทิ เหรียญหลวงพ่อเพชร วัดอัมพวัน เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเหรียญแพงที่สุดของภาคใต้ ราคาหลักล้าน เหรียญหลวงพ่อเพชร วัดวชิรประดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เหรียญหลวงพ่อเทศน์ วัดคอกช้าง จ.สุราษฎร์ธานี  เหรียญหลวงพ่อปลอด วัดนาเขลียง เหรียญหลวงพ่อซัง วัดวัวหลุง จ.นครศรีธรรมราช เหรียญพ่อท่านคล้าย รุ่นแรก ๒ ขอบ ฯลฯ

 เหรียญเหล่านี้ ราคาเช่าหาอยู่ที่หลักแสนขึ้นไปถึงหลักล้านทั้งนั้น หากท่านผู้ใด มีเหรียญเก่าเหล่านี้ และคิดว่าอยากจะออก ขอให้บอกชรินทร์ได้เลยที่โทร.๐๘-๖๕๓๓-๔๖๖๓ รับรองได้รับเงินสดกลับบ้านอย่างแน่นอน

0 ตาล ตันหยง 0