ไหว้พระขอพร ที่ วัดบางกุ้ง สมุทรสงคราม กับ หลวงพ่อนิลมณี
เยือน สมุทรสงคราม ไหว้พระขอพร พื้นที่ประวัติศาสตร์ พระเจ้าตาก ที่ วัดบางกุ้ง กับ หลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปโบราณสมัยอยุธยา
หากย้อนเวลากลับไปช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ของประวัติศาสตร์ รอยต่อยุคการล่มสลายของ กรุงศรีอยุธยา และ การก่อร่างสร้างตัวขึ้นของ กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร อารามย่านบางคนที สมุทรสงคราม ที่ชื่อว่า วัดบางกุ้ง มีบทบาทสำคัญในการป้องกันราชอาณาจักร เหตุการณ์สำคัญ คือ การต้านทัพพม่าเมืองทวาย ที่เดินทัพเข้ามาหยั่งเชิงอาณาจักรใหม่ และเป็นที่มาของศึกแรกของธนบุรี นั่นคือ ศึกบางแก้ว เมืองราชบุรี วัดบางกุ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ค่ายจีนบางกุ้ง จึงมีร่องรอยประวัติศาสตร์อยู่ไม่น้อย
วัดบางกุ้ง นั้น ตามหลักฐานที่สืบค้นได้ สร้างขึ้นช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา ประมาณปี 2308 พระประธานสำคัญในพระอุโบสถ ที่ปัจจุบันมีต้นโพธิ์ปรกคลุม นามว่า “หลวงพ่อนิลมณี” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” ที่ฝาผนังของพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอดีตพระพุทธเจ้า และภาพพุทธประวัติ
พระอุโบสถเป็นอาคารเครื่องก่ออิฐถือปูน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา ตามแบบวัดไทยทั่วๆไป ที่มักเป็นเครื่องลำยอง ภายในโบสถ์เป็นที่สถิตของ “หลวงพ่อนิลมณี” หรือ "หลวงพ่อดำ" ตามที่ชาวบ้านเรียกกัน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สมัยอยุธยาตอนปลาย นอกจากนี้ภายในยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ
นอกจากนี้ยังมีสระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดความกว้างประมาณ 5 เมตร ความยาว 7 เมตร ที่ขอบสระมีกำแพงเตี้ยกั้น กรุด้วยอิฐถือปูนลักษณะสอบลงไป ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน วัดบางกุ้ง เป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 113 ตอนพิเศษ 50 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2539
วัดแห่งนี้ยังมีจุดเด่นที่มีรูปปั้นนักมวยไทยเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับเครื่องบินเก่าตั้งโชว์ และยังมีสวนสัตว์ขนาดเล็กๆ ที่มีทั้งกรงอูฐ กวาง ม้า ตั้งอยู่ริมท่าน้ำวัดบางกุ้งอีกด้วย
มีความเชื่อกันว่า หากใครที่คิดดี ทำดี พูดดี มีศรัทธาแรงกล้า ตั้งจิตขอสิ่งใดก็สมปรารถนาได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ หรือ หากทุกข์ร้อนใจก็ขอให้ได้ไปกราบไหว้ขอพร กับ หลวงพ่อนิลมณี จะรู้สึกสงบเย็น ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์รุ่มร้อนใดๆ ด้วยความเย็นที่ว่านั้น เย็นมาจากภายใน จากหัวใจให้รู้สึกเย็น
คาถาบูชา “หลวงพ่อนิลมณี” ตั้งจิตอธิษฐาน สวดคาถาบูชา ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่า อะหัง พุทธนิลมณี สิระสา นะมามิ ชะยะ ตุภะวัง สัพพะศัตรู วินาศสันติ
จุดเริ่มต้นของการบูรณะวัดบางกุ้งนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2531 บริเวณวัดเป็นป่ารกร้าง พระวินัยธร องอาจอาริโย ได้เดินธุดงค์มาที่บริเวณวัดบางกุ้ง ปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่ข้างอุโบสถหลวงพ่อนิลมณีหรืออุโบสถปรกโพธิ์
ซึ่งเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน ท่านได้เดินสำรวจบริเวณวัดซึ่งทราบมาบ้างว่าวัดนี้เคยเป็นค่ายทหารจีนบางกุ้งสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานีมาก่อน ยามดึกขณะเจริญกรรมฐานมักจะเกิดนิมิตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดไทยโบราณมากราบไหว้หลวงพ่อนิลมณีหน้าอุโบสถปรกโพธิ์เป็นประจำ มีลักษณะผอมสูงผมยาวใบหน้างาม แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ต่อมาไม่นานเสาคานที่หน้าอุโบสถหล่นตกลงมาพิงอยู่ข้างอุโบสถ คืนนั้นเองท่านได้นิมิตเห็นผู้หญิงชุดไทยคนเดิมมาบอกให้นำไม้ท่อนนี้มาไว้ที่หลังอุโบสถแล้วให้สร้างศาลด้วยท่านก็ทำตาม
ให้ชาวบ้านช่วยกันนำไม้มาไว้หลังอุโบสถแล้วสร้างศาลให้ตามคำขอร้อง นำไม้ท่อนนั้นแกะสลักเป็นรูปหน้าผู้หญิงไม่มีแขนขาไว้ภายในให้ชื่อว่า “ศาลนางไม้เจ้าจอม” ผู้คนให้ความเคารพนับถือกันมากเพราะมีความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารแก่ผู้คนอยู่เสมอ
ต่อมาพระวินัยธรฯ ได้ฟื้นฟูวัดบางกุ้งร่วมกับประชาชนจนเป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงแต่งกายชุดไทยโบราณมาปรากฏในนิมิตอีกได้บอกว่าเป็นองค์หญิงพระนามว่า “องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า)”ต้องการให้สลักรูปองค์หญิงจากไม้ต้นโพธิ์ซึ่งมีอายุประมาณ 100 ปี โดยขอร้องให้แกะสลักทั้งองค์ หลังจากนั้นท่านได้ปรึกษาหารือญาติโยมหาช่างแกะสลัก โดยนายช่างคิดราคาค่าแรง 80,000 บาท (แปดหมื่นบาทถ้วน) เมื่อตกลงราคากันแล้วพอช่างจะลงมือแกะสลักกลับไม่รู้ว่าจะแกะสลักเป็นรูปองค์แบบใด เพราะไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาองค์หญิงมณฑาทิพย์มาก่อนทำให้แกะสลักไม่ได้
เมื่อการเป็นดังนี้ ท่านเจ้าอาวาสจึงลงมือแกะสลักเองทั้งที่ไม่เคยแกะสลักไม้รูปใด ๆ มาก่อน การแกะสลักไม้เป็นรูปคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท่านได้ใช้ความพยายามอย่างสูงแกะสลักแบบที่เห็นองค์หญิงในนิมิตเหมือนมีอำนาจอย่างหนึ่งมาดลบันรดาลให้แกะได้สำเร็จ สลักอักษรไว้ที่ฐานว่า “องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า)”