พระเครื่อง

พระปางแปลกตา 
พระนอนหงาย พระเจ้าเข้านิพพาน พระปิดหู

พระปางแปลกตา พระนอนหงาย พระเจ้าเข้านิพพาน พระปิดหู

26 พ.ย. 2553

คติการสร้างพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน ปางต่างๆ นั้น กำหนดขึ้นตามพุทธประวัติ โดยเฉพาะในช่วงที่พระพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน แต่ในประเทศไทย พระพุทธไสยาสน์ที่นิยมสร้างกันเป็นพระพุทธรูป คือ ปางโปรดอสุรินทราหู และปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งมีอยู่ ๓

  ปางที่ ๑.พระพุทธรูปปางนี้ประทับนอนตะแคงขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบพระวรกายเบื้องซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายอยู่ที่พื้นขนาบพระเขนย อันเป็นพระอิริยาบถตามธรรมชาติ ขณะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชน พระพุทธรูปปางนี้พบได้ตามวัดทั่วๆ ไป ซึ่งถือว่ามีการสร้างมากที่สุด

 ปางที่ ๒.หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระบรมศพถูกนำมาจัดแต่งให้เหมาะสม ซึ่งตามพุทธประวัติ กล่าวว่า ทรงบรรทมหงาย พระบาทเหยียดเสมอกัน พระหัตถ์วางทับซ้อนกันบนพระอุระ บ้างก็ว่าทับซ้อนบนพระนาภี ดังปรากฏเป็นพุทธลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้

 พระพุทธรูปปางนี้องค์เก่าแก่ที่สุด คือ พระนอนที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ส่วนที่พบในประเทศไทย พระพุทธรูปปางนี้เท่าที่ทราบปัจจุบันมีอยู่ ๓ องค์ ประดิษฐานอยู่ ๓ วัด คือ

 ๑.พระนอนหงายปางถวายพระเพลิง สร้างในสมัยกรุงธนบุรี ที่วัดราชคฤห์ กทม. ๒.พระนอนหงายวัดพระนอน ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี และ ๓.พระนอนหงาย วัดทุ่งน้อย บ้านทุ่งน้อย ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พระพุทธรูปปูนปั้น ศิลปะสมัยสุโขทัย ประทับหงายพระองค์ พระหัตถ์ทั้งสองเหยียดประสานกันบนพระนาภี (สะดือ) มีขนาดยาว ๕.๗๐ เมตร กว้าง ๑.๕๐ เมตร ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก หลวงพ่อมา ปทุมฺรตโน เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐

 ปางที่ ๓.พุทธเจ้าเข้านิพพาน หรือ "พระเจ้าเข้านิพพาน" ถือเป็นพระพุทธรูปปางที่ไม่ค่อยพบเห็นในวัดทั่วๆ ไป เท่าที่ทราบ องค์ที่สมบูรณ์ที่สุดต้องยกให้ พระเจ้าเข้านิพพาน ที่ประดิษฐานอยู่ในหลวงพ่อพวง หรืออุโบสถหลังเก่า วัดท่าฬ่อ ต.ท่าฬ่อ อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งไม่มีหลักฐานระบุไว้ชัดเจนว่า มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งเมื่อใด รู้แต่เพียงว่ามีอายุประมาณร้อยกว่าปี ตามอายุการก่อตั้งวัดท่าฬ่อ พระพุทธเจ้าเข้านิพพานของวัดท่าฬ่อ สันนิษฐานว่า สร้างไว้เมื่อกว่า ๑๐๐ ปีที่แล้ว เดิมทีประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงตากริม เมื่อกรมศิลปากรมาบูรณะภาพในวิหารเมื่อปี ๒๕๔๕ จึงย้ายมาเก็บไว้ที่วิหารหลวงพ่อพวง

 ส่วนอีกองค์หนึ่งนั้น ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระเจ้าเข้านิพพาน หรือวิหารแกลบ ตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) อ.เมือง จ.พิษณุโลก อยู่ทางด้านใต้ของพระวิหาร พระศรีศาสดา ภายในวิหาร มีพระพุทธรูปนั่งขนาดใหญ่ มีพระสาวกอยู่ข้างหน้าหลายองค์ จุดเด่นบริเวณกลางวิหารมีหีบปางพระเจ้าเข้านิพพาน ซึ่งสมมติว่าเป็นหีบพระพุทธสรีระ ตั้งอยู่บนแท่นสลักลวดลายงดงาม

  พุทธลักษณะหนึ่งที่แปลกตากว่าพระพุทธรูปทั่วไป คือ มีพุทธลักษณะเป็นหีบทอง บรรจุพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ทำด้วยศิลา ขนาดกว้าง ๔๖ เซนติเมตร ยาว ๑๖๐ เซนติเมตร สูง ๔๕ เซนติเมตร มีลักษณะเป็นหีบบรรจุพระศพสีทองเหลืองอร่าม ตั้งอยู่บนฐานที่ลงรักปิดทอง และประดับประดาลวดลายกระจกอย่างสวยงาม โดยที่ปลายด้านหนึ่งมีพระบาท ๒ ข้างยื่นออกมา

พระปิดหู
 พระปิดหู เป็นพระพุทธรูปปางแปลก แตกต่างไปจากพระพุทธรูปที่เคยเห็นโดยทั่วไป ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณลานอเนกประสงค์ หน้าทางเข้า วัดดอนเจดีย์ หมู่ ๕ ต.ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งชาวเมืองสุพรรณ พากันแห่กราบไหว้พระ "ปิดเคราะห์" องค์นี้อยู่เสมอ

 ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อปิดเคราะห์นั้น ผู้ที่มากราบไหว้มีคติความเชื่อว่าท่านมีความเมตตาสูงมาก ไม่ว่าใครก็ตาม หากกำลังเผชิญกับปัญหา หรือทุกข์ภัยหนักหน่วงแค่ไหน เมื่อเดินทางมากราบไหว้ขอพรจากองค์หลวงพ่อก็มักจะได้รับความเมตตา โดยท่านจะดลบันดาลให้สิ่งที่ต้องการนั้นสมมาดปรารถนาอยู่เสมอ โดยสิ่งที่องค์หลวงพ่อพระกาฬโปรดปรานมากที่สุดก็คือ ข้าวเหนียวมูน และกล้วยหอมสุก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะมีผู้คนนำมาถวายให้ไม่เคยขาด

 พุทธลักษณะโดยรวมของพระพุทธรูปองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ มือทั้ง ๒ ด้านปิดที่หูไว้ หลับตาสองข้าง ซึ่งมีลักษณะแปลกกว่าพระพุทธรูปโดยทั่วไป ชาวบ้านเรียกพระพุทธรูปปิดหูองค์นี้ว่า หลวงพ่อปิดเคราะห์ หรือพระพุทธปริศนาธรรมมงคล เป็นปูนปั้น ทาสีทอง สูงประมาณ ๑.๕๐ เมตร กว้างกว่า ๖๐ เซนติเมตร และมีองค์เล็กจำลองอีก ๑ องค์ สูงประมาณ ๔ นิ้ว กว้าง ๒ นิ้ว ตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้า ที่บริเวณฐานด้านล่างเป็นรูปทรงกลมคล้ายท่อน้ำ เป็นฐานรอง เขียนข้อความด้านล่างว่า "ปิดหูเป็นบางครา หลับตาเป็นบางคราว ไม่พูดบางเรื่องราว สุขกายสบายใจ"

 พระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ (ประไพ ปุญญกาโม ปธ.๓ ม) เจ้าอาวาสวัดดอนเจดีย์ และเจ้าคณะตำบลดอนเจดีย์ เล่าให้ฟังว่าผู้ที่สร้างพระปิดหู คือ พระวิบูลเมธาจารย์ หรือ หลวงพ่อเก็บ ภทฺทิโย อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนเจดีย์รูปแรก น่าจะสร้างหลังปี ๒๕๐๑

 "การสร้างพระปิดหู ไม่เกี่ยวข้องกับประวัติพุทธศาสนาตอนใด เข้าใจว่าหลวงพ่อเก็บต้องการที่จะสื่อธรรมถึงญาติโยมที่ว่า กิเลสนั้นเข้าได้หลายทาง หู และตา ถือเป็นช่องทางสำคัญที่กิเลสเข้าได้ง่ายที่สุด การปิดหูและหลับตา เท่ากับเป็นการปิดช่องทางของกิเลส และเพื่อให้คนเข้าใจปริศนาธรรมมากขึ้น จึงเขียนข้อความเป็นภาษาไทยไว้ที่บริเวณหน้าฐานพระไว้ด้วยว่า "ปิดหูเป็นบางครา หลับตาเป็นบางคราว ไม่พูดบางเรื่องราว สุขกายสบายใจ"

0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู 0