หลวงตามหาบัว กับผ้าป่าช่วยชาติ
"ทองคำที่ทุกอณูของมวลสาร มีพลังแห่งความรักชาติ และมีอานุภาพของพระพุทธศาสนา พระบารมีของพระมหากษัตริย์เจ้า ผสมผสานเกาะกุมยึดเหนี่ยวร่วมกันอยู่ในเนื้อทองคำเหล่านี้ด้วย"
ย้อนหลังไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2540 ขณะที่พระธรรมวิสุทธิมงคล ญาณสัมปันโน หรือหลวงตามหาบัว เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้เดินทางไปแจกสิ่งของให้แก่โรงพยาบาลในท้องถิ่นกันดาร อันเป็นกิจวัตรที่หลวงตาได้ปฏิบัติอยู่เป็นเนืองนิตย์ ในวันนั้นจึงได้ทราบว่าโรงพยาบาลมีหนี้สินเป็นอันมาก จนไม่สามารถจะชำระหนี้ให้แก่บริษัท หรือร้านค้า ที่ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ ทั้งที่มิได้ก่อหนี้สินใดๆ ขึ้น หากแต่เป็นหนี้อันเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เปลี่ยนไปเอง ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติทางการเงินของประเทศ
ครั้งนั้นหลวงตารู้สึกสลดใจเป็นอันมาก ท่านจึงดำริที่จะช่วยชาติช่วยแผ่นดิน โดยทุ่มเทน้อมนำพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศให้ร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อช่วยชาติบ้านเมืองของเรา โครงการช่วยชาติจึงได้เกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้น โดยได้รับเงินบริจาคประเดิมรายแรกเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2541 เป็นเงินจำนวน 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นปฐมฤกษ์ และเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนปีเดียวกันเป็นต้นมา ซึ่งถือเป็นวันเปิดโครงการ โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปทรงเป็นประธานเปิดโครงการ
หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปยังสำนักสงฆ์สวนแสงธรรม เพื่อถวายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมในโครงการช่วยชาติกับหลวงตา นับว่าเป็นมหาอุดมมงคลอันยิ่งใหญ่ต่อโครงการช่วยชาติของหลวงตา ด้วยแรงศรัทธาจากทุกสารทิศต่อหลวงตามหาบัว และด้วยความรักชาติรักแผ่นดินของชาวไทยทุกหมู่เหล่า เป็นเหตุให้ทองคำ เงินดอลลาร์สหรัฐ เงินตราสกุลต่างประเทศ รวมทั้งเงินบาท หลั่งไหลเข้าสู่บัญชีช่วยชาติอย่างต่อเนื่องมิได้ขาดสาย และหลวงตาก็ได้รวบรวมส่งมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำเข้าบัญชีฝ่ายออกบัตร หรือคลังหลวง ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงบัดนี้นับได้ 15 ครั้ง
ระยะเวลาของการดำเนินโครงการเป็นเวลาไม่น้อยสำหรับหลวงตาผู้ซึ่งชราภาพมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอดทนเต็มกำลัง ถ้าคิดจำนวนระยะทางที่หลวงตาเดินทางไปแสดงธรรมตามที่ต่างๆ เพื่อรับเงินผ้าป่านั้นนับได้เป็นแสนกิโลเมตร ด้วยแรงเมตตาที่หลวงตาเห็นว่า "เราแต่ละคนต่างอยู่ได้เพราะมีประเทศชาติ แต่จะไม่มีใครอยู่ได้ถ้าชาติล่มจม"
ทองคำที่หลวงตามหาบัวได้เมตตารวบรวมมาเพื่อนำเข้าคลังหลวงแต่ละครั้ง จึงมิใช่ทองคำธรรมดา แต่เป็นทองคำที่ทุกอณูของมวลสาร มีพลังแห่งความรักชาติ และมีอานุภาพของพระพุทธศาสนา พระบารมีของพระมหากษัตริย์เจ้า ผสมผสานเกาะกุมยึดเหนี่ยวร่วมกันอยู่ในเนื้อทองคำเหล่านี้ด้วย
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ผู้เป็นเสมือนองค์บุพการีของธนาคารแห่งประเทศไทย พระองค์ท่านเป็นเอกในด้านการเงินของประเทศ ประทานพระโอวาทไว้ มีข้อความสำคัญว่า การบูรณะบ้านเมืองให้กลับคืนสู่ปกติ เพื่อนำมาซึ่งความมั่นคงสมบูรณ์ของชาติต่อไปนั้น จำต้องอาศัยเสถียรภาพแห่งค่าของเงินเป็นหลัก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเงินบาทจะต้องมีค่า เรียกได้ว่า "ยืนที่มั่นคง" การค้าขายและธุรกิจทั้งปวง จึงจะมีหลักดำเนินไปได้ด้วยดี การปกครองของบ้านเมืองก็จะเป็นผลดีไปด้วย
บัดนี้ คลังหลวงที่หลวงตาได้เมตตาพารักษาและรวบรวม ทองคำและดอลลาร์ เพิ่มเติมสินทรัพย์ในคลังหลวงให้เพิ่มพูนขึ้น เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่หล่อเลี้ยงลมหายใจ และอวัยวะทางเศรษฐกิจทางการเงิน ให้ค่อยๆ พลิกคืนฟื้นตัวมาได้ จนใช้หนี้ไอ เอ็มเอฟได้ครบถ้วนก่อนกำหนด ด้วยคำอุทานว่า "เหลือเชื่อ" บรรดาสินทรัพย์เหล่านี้ แม้มีค่าเท่าใดเป็นเพียงค่าที่โลกสมมติ แต่พระธรรมและน้ำใจของพระ อีกทั้งน้ำใจของคนทั้งชาติมีค่าแท้จริง และมีค่ายิ่งกว่าตัววัตถุ
หลวงตามหาบัวตั้งปณิธานและได้ปฏิบัติตามปณิธานว่า “เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดี ให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม และทำด้วยความเมตตาสงสารต่อโลก เพราะหลังจากนี้แล้ว เราตายแล้วเราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไป เป็นตลอดอนันตกาล”
ขอผลานิสงส์ ที่หลวงตามหาบัวเมตตาพาพี่น้องประชาชนชาวไทยกู้ชาติไทยด้วยหลักธรรมตามพระพุทธศาสนาในครานี้ จงเป็นผลให้แผ่นดินไทยและประชาชนชาวไทย มีความร่มเย็นเป็นสุข ขออำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ พระสังฆานุภาพ อานุภาพแห่งพระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช พระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี และบูรพมหากษัตราธิราช ที่ปกปักรักษาแผ่นดินไทยและชาวไทย จงแผ่พลานุภาพพิทักษ์รักษาสินทรัพย์อันเป็นสื่อแทนน้ำใจพระและน้ำใจของคนไทยทั้งชาติเหล่านี้ ให้ดำรงอยู่เป็นสมบัติของชาติบังเกิดประโยชน์งอกงามไพบูลย์แก่ชาติไทย และชาวไทย นิจนิรันดร์...