พระเครื่อง

วัดพุทไธศวรรย์ 
วัดคู่เมืองอโยธยามากว่า "๖๕๘ ปี"

วัดพุทไธศวรรย์ วัดคู่เมืองอโยธยามากว่า "๖๕๘ ปี"

01 เม.ย. 2554

"วัดพุทไธศวรรย์" ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศใต้พระราชวังเดิมของกรุงศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันมีอายุเก่าแก่ถึง ๖๕๘ ปี โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) ได้ทรงโปรดสถาปนาสร้างไว้ ณ บริเวณท้องพระโรงตรงตำหนักเดิมของพระองค์

  ตามพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ ได้บันทึกไว้ว่า หลังจากพระเจ้าอู่ทองที่ ๔ ได้สืบราชสมบัติได้ ๖ ปี ได้เกิดโรคห่าขึ้นในพระนคร พระองค์จึงได้ย้ายมาตั้งราชธานีใหม่ที่กรุงศรีอยุธยา

 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้น หลังจากกองทัพพม่าเข้าห้ำหั่นเผาบ้านทำลายเมืองกรุงศรีอยุธยา วัดแทบทุกวัดได้ถูกเผาทำลายเกือบทั้งหมด คงเหลือเพียงซากปรักหักพังที่ยากแก่การบูรณปฏิสังขรณ์ บ้างก็กลายเป็นวัดร้าง คงเหลือแต่วัดวัดพุทไธศวรรย์เพียงวัดเดียวในบริเวณเกาะเมืองที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด และได้รับพระราชอุปถัมภ์จากพระมหากษัตริย์หลายพระองค์จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วัดมีความรุ่งเรืองมาก เนื่องจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประมุขสงฆ์ฝ่ายคามวาสี ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ในขณะนั้นเป็นพระอาจารย์ที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงเคารพนับถืออย่างมาก และตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพระตำหนักของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ยังคงได้รับการบูรณะดูแลเป็นอย่างดี

 ล่วงเข้ามาในสมัยรัตนโกสินทร์ มีหลักฐานปรากฏว่า รัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จมายังวัดวัดพุทไธศวรรย์ ทั้งในงานพระราชทานกฐินประจำกาล และในโอกาสอื่นๆ อีกหลายครั้งหลายคราด้วยกัน และในกาลครั้งสำคัญยุคเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันซึ่งก็คือ "พระพุทไธศวรรย์วรคุณ" หรือ หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมรี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดพุทไธศวรรย์ เป็นการส่วนพระองค์ พร้อมกันนี้ หลวงพ่อหวลท่านยังได้ถวายพระเครื่องอู่ทองจำนวน ๒,๒๐๐ องค์ อีกด้วย

 อย่างไรก็ตาม ในสมัยโบราณมีคำกล่าวขานที่เรียกว่า วัดพุทไธศวรรย์เป็นดินแดนอันมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับด้านอยู่ยงคงกระพัน เป็นที่ลือเลื่องจากอดีตตราบเท่าปัจจุบัน นั่นคือ วัดพุทไธศวรรย์เป็นสถานที่ฝึกอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหาร ก่อนออกศึกสงคราม โดยเฉพาะเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระสังฆราชฝ่ายซ้ายคู่กับสมเด็จพระวันรัตน์ (พนรัตน์) วัดป่าแก้ว (วัดเจ้าพระยาไทหรือวัดใหญ่ชัยมงคล) พระสังฆราชฝ่ายขวา ได้ทำพิธีอาบน้ำว่านให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชก่อนทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา เมืองหงสาวดี ประเทศพม่า ในเช้าของวันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๑๓๕ 

\  เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ จึงเป็นที่มาของนามพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถอันมีรูปลักษณ์เป็นสีดำ และถูกเรียกว่า “พระองค์ดำ” ตามพระนามของสมเด็จพระนเรศวร และเพี้ยนมาเป็น “หลวงพ่อดำ” เช่นในปัจจุบัน

   "หลวงพ่อดำ" เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ลักษณะปูนปั้นทาด้วยสีดำ พระพักตร์รูปไข่ เป็นศิลปะอู่ทอง หรืออยุธยาตอนต้น เชื่อว่าสร้างควบคู่มาพร้อมกับการสร้างพระอุโบสถ เล่าขานต่อกันมาว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา หากใครเจ็บป่วยไข้ เมื่อผ่านมาที่วัดแห่งนี้จะขึ้นไปสักการะหลวงพ่อดำเพื่อขอให้หายเจ็บป่วยซึ่งปรากฏปาฏิหาริย์หายเจ็บป่วยไปตามๆ กัน รวมทั้งขอพรหลวงพ่อดำให้ดลบันดาลสิ่งที่ตนเองปรารถนา ซึ่งส่วนมากก็สมปรารถนากันทุกคน
 
พระกริ่งพระเจ้าอู่ทอง
 เนื่องด้วยโอกาสมหามงคลครบ ๖๕๘ ปี วัดพุทไธศวรรย์ หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท ได้เมตตาต่อคณะศิษย์ให้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นที่ระลึก เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระเจ้าอู่ทองในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นปฐมบรมกษัตริย์องค์แรกแห่งกรุงศรีอยุธยา และเป็นผู้สถาปนาวัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งมีความผูกพันกับบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าหลายพระองค์ โดยเฉพาะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

 วัตถุมงคลชุดนี้ได้มีการรวบรวมวัตถุธาตุกายสิทธิ์ เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมในการจัดสร้างมากมาย อาทิ เหล็กน้ำพี้ อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ ตะปูสังฆวานร จากพระปรางค์ภายในวัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งมีอายุกว่า ๖๕๘ ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็น “ธาตุทนสิทธิ์” คือ ธาตุที่มีฤทธิ์ในตัวเอง เนื่องจากสถิตอยู่ ณ สถานที่อันเป็นมงคล นวโลหะครบสูตรตามตำราโบราณ ทองสัมฤทธิ์โชค ฯลฯ ซึ่งโลหะธาตุอันเป็นมงคลดังที่กล่าวมา ได้นำมาจัดสร้างเป็น "พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์"

 ส่วนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ อาทิ ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ซึ่งทางวัดได้เคยนำมาจัดสร้าง "องค์พ่อจตุคามรามเทพ" จนมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนั้น ก็ได้นำมาเป็นส่วนผสมหลักในการจัดสร้าง "พระขุนแผน" ทั้งยังมีกระเบื้องหลังคาโบสถ์ และว่านมหามงคลอีก ๑๐๘ ชนิด รวมถึงผงแร่เหล็กน้ำพี้อีกด้วย 

 ทั้งนี้เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔ วัดได้จัดให้มีพิธีหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ และกดพิมพ์พระขุนแผนนำฤกษ์ ณ บริเวณเขตพระราชฐานตำหนักเวียงเหล็ก พระเจ้าอู่ทอง โดยมีการถลุงเหล็กน้ำพี้ และหลอมโลหะครบสูตรตามตำรับการสร้างพระกริ่งของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ ซึ่งจะจัดให้มีพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกโดย หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท และพระอาจารย์โชติ อีกครั้ง ในวันศุกร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๓.๓๙ น. ณ พระอุโบสถ

 ปัจจัยรายได้จากการบูชาวัตถุมงคล จะนำไปบูรณะซ่อมแซมหลังคาศาลาการเปรียญ วัดพุทไธศวรรย์ และจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา รายละเอียดติดต่อได้ที่ โทร.๐๘-๑๔๔๔-๔๗๔๖, ๐๘-๙๑๔๙-๔๙๔๐

 "ในสมัยกรุงศรีอยุธยา หากใครเจ็บป่วยไข้ เมื่อผ่านมาที่วัดแห่งนี้จะขึ้นไปสักการะหลวงพ่อดำเพื่อขอให้หายเจ็บป่วยซึ่งปรากฏปาฏิหาริย์หายเจ็บป่วยไปตามๆ กัน รวมทั้งขอพรหลวงพ่อดำให้ดลบันดาลสิ่งที่ตนเองปรารถนา"

เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู