
'หลวงพ่อพรหมเป็นพระเกจิผู้มีวาจาสิทธิ์''ลั้ง พรหมรักษา'ดูพระเป็นแต่ไม่ใช่ 'เซียนพระ'
วงการพระเครื่อง ส่วนใหญ่มักจะมีการแบ่งสายหลวงพ่อต่างๆ ที่แต่ละคนสนใจสะสมและมีการซื้อขายกันเป็นพิเศษ จนมีการเรียกขานกันว่า สายตรงหลวงพ่อท่านนั้นหลวงพ่อท่านนี้ อย่างเช่น สายตรงพระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ซึ่งเวลานี้มีอยู่หลายคนด้วยกัน และหนึ่งในนั้นก็คือ ลั้ง
ลั้ง พรหมรักษา เป็นชาวช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยกำเนิด คุณพ่อคุณแม่เปิดร้านทำขนมเปี๊ยะ อยู่ในตลาดช่องแค ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ที่นั่นล้วนเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพรหมทั้งนั้น รวมทั้งคุณพ่อของลั้งด้วย เรื่องราวต่างๆ ของหลวงพ่อพรหม คุณพ่อของลั้งจึงเป็นผู้ที่รู้เรื่องดีคนหนึ่ง ในบรรดาศิษย์สายนี้ และที่สำคัญคือ คุณพ่อของลั้งเป็นหนึ่งใน คณะหนุ่มน้อย ซึ่งล้วนเป็นเถ้าแก่เจ้าของร้านค้าในตลาดช่องแค ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพรหม และเป็นผู้จัดสร้างวัตถุมงคลหลายรุ่นถวายหลวงพ่อ เพื่อหาปัจจัยก่อสร้างเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดช่องแค
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ครอบครัวของลั้ง มีความผูกพันกับหลวงพ่อพรหม และวัดช่องแค มาโดยตลอด ในเรื่องวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงพ่อพรหม คนบ้านนี้จึงรู้จักกันเป็นอย่างดี และมีกันแทบครบทุกรุ่น บางรุ่นก็มีหลายๆ องค์ เพราะสมัยนั้นของท่านยังมีราคาไม่สูงนัก
ลั้ง เล่าว่า "เด็กต่างจังหวัด อายุไม่กี่ขวบคุณพ่อคุณแม่ก็พาเข้าวัดเป็นประจำ ตอนที่ลั้งอายุ ๓-๔ ขวบ คุณพ่อได้พาลั้งไปกราบหลวงพ่อพรหมกันแล้ว และไปกราบไหว้ท่านเป็นประจำ เพราะที่บ้านอยู่ใกล้กับวัด พอโตขึ้นมาหน่อย ช่วงเรียนหนังสือชั้นประถม โรงเรียนได้พาเด็กไปช่วยงานวัด เวลามีคนกรุงเทพฯไปทำบุญ ลั้งก็ได้ไปช่วยล้างถ้วยล้างจาน เสิร์ฟน้ำชากาแฟแก่คนที่ไปทำบุญ ต่อมาเมื่อไปเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนพิบูลวิทยาคม จ.ลพบุรี (โดยนั่งรถไฟเช้าไปเย็นกลับ) ก็ยังได้ไปช่วยงานวัดช่องแคเสมอ เรื่องรับพระแจกจากมือหลวงพ่อ จึงเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กช่องแคทุกคน ที่มักจะได้รับแจกพระจากมือหลวงพ่อเป็นประจำ บางครั้งจะเข้าไปกราบขอพรจากหลวงพ่อ ว่าขอให้เรียนหนังสือเก่งๆ ขอให้สอบได้ ท่านก็เมตตาให้พรเสมอ สมัยนั้นยังเป็นเด็ก ยังไม่รู้จักขอพรอย่างอื่น นอกจากเรื่องเรียนหนังสือเท่านั้น"
หลวงพ่อพรหม มีลักษณะเป็นคนโบราณ สูงใหญ่ หน้าตาของท่านดูแล้วเหมือนคนดุ แต่แท้จริงแล้ว ท่านเป็นคนใจดี มีเมตตาต่อทุกคน ท่านเป็นคนไม่ค่อยชอบพูด บางคนไปกราบท่าน พอถวายของเสร็จแล้ว มักจะรีบกลับ เพราะกลัวท่าน หากท่านพูดอะไรมักจะเป็นจริงเสมอ เชื่อกันว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ ช่วงเกณฑ์ทหาร มีบางคนไปขอพรท่านว่า ขออย่าให้ถูกเกณฑ์ทหาร ท่านบอกว่า เป็นลูกผู้ชายต้องไปเป็นทหาร รับใช้ชาติ ปรากฏว่า ทุกคนที่ไปขอพรท่านเรื่องนี้ ล้วนจับได้ใบแดง เป็นทหารกันทั้งนั้น จนตอนหลังเป็นที่รู้เรื่องกันทั่วไป จะไม่มีใครไปขอท่านในเรื่องนี้อีก เรื่องราวเหล่านี้ยังเป็นที่จดจำของลั้งเสมอ
ลั้ง เล่าถึงหลวงพ่อพรหมอีกว่า "หลวงพ่อชอบทานแกงเขียวหวาน ขนมปลากริมไข่เต่า องุ่น ดอกมะลิ และเครื่องดื่มลิโพ เวลามีใครไปหา หากไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับท่านมาก่อน มักจะคิดว่าท่านไม่อยู่ เพราะท่านชอบนอนคลุมโปง แต่ท่านไม่ได้หลับ เราต้องส่งเสียงให้ทราบ แล้วท่านถึงจะเอาผ้าห่มออกมาคุยกับเรา แต่ท่านจะพูดน้อย เพราะกลัวว่า บางครั้งพูดอะไรออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ จะกลายเป็นคำพูดที่ทำให้ผู้ไปหาท่าน รู้สึกไม่สบายใจก็ได้ เพราะวาจาของท่านศักดิ์สิทธิ์
ลั้งเชื่อว่า พลังจิตของท่านสูงมาก ครั้งหนึ่ง คุณย่าของลั้งปวดหัวเป็นประจำ คุณพ่อจึงเอาเหรียญรุ่นแรกของท่าน ไปให้ท่านเสกอีกครั้ง โดยขอให้ท่านเน้นเรื่องแก้ปวดหัว แก้เจ็บไข้ได้ป่วย ปรากฏว่าคุณย่าเอาเหรียญมาแขวนติดตัวแล้ว อาการปวดหัวหายไปทันที ต่อมาเหรียญอันนี้ตกทอดมาถึงพี่สาวของลั้ง พี่สาวได้แขวนติดตัวเป็นประจำ เชื่อไหมว่า พี่สาวคนนี้ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรเลย แม้แต่ไข้หวัด ปวดหัวตัวร้อน จนถึงทุกวันพี่สาวอายุกว่า ๕๐ ปีแล้ว ยังไม่เคยไปโรงพยาบาล และไม่เคยกินยาเลย"
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลั้ง ได้ให้ความสนใจในพระหลวงพ่อพรหมมาก หลังจากที่ท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๑๘ ทำให้พระของหลวงพ่อพรหม มีการแสวงหากันมาก จากของแจกฟรี หรือบางรุ่นทำบุญบูชาไม่กี่สิบบาท กลายเป็นของมีค่า และราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน คนที่รู้จักกันก็ได้มาขอแบ่งปันพระหลวงพ่อพรหม ที่คุณพ่อได้ทำบุญเช่าบูชามาจากวัดโดยตรง ซึ่งมีอยู่แทบทุกรุ่น ได้แบ่งให้เขาไปบ้าง คนที่ได้รับไปแล้ว ก็จะบอกกันต่อๆ ไป จากปากต่อปาก จึงมีผู้แนะนำว่า ควรจะเปิดร้านพระขึ้นมาเสียที เชื่อว่าจะมีผู้มาเช่าพระกันมาก เพราะเป็นพระแท้ที่ได้รับมาจากทางวัดโดยตรง
ต่อมาเมื่อปี ๒๕๓๘ ลั้งจึงได้เปิดร้านพระบนห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และเมื่อเกิดเพลิงไหม้ขึ้น จึงได้ย้ายตาม ป๋าพยัพ คำพันธุ์ และ พี่ต้อย เมืองนนท์ มาเปิดดำเนินงานต่อที่ห้างบางลำภู งามวงศ์วาน (ทุกวันนี้ คือ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน) เป็นสนามพระติดแอร์ ในนาม ชมรมพระเครื่องมรดกไทย จนถึงทุกวันนี้
"ตอนที่เปิดร้านพระนั้น คุณพ่อได้แบ่งพระหลวงพ่อพรหมจำนวนหนึ่งให้กับลั้งด้วย เพื่อให้ผู้สนใจเช่าบูชา พระหลวงพ่อพรหม มีมากรุ่น บางรุ่นมีจำนวนสร้างน้อย แต่ส่วนใหญ่มีจำนวนสร้างมาก จึงมีหลากหลายราคาให้เลือกเช่าได้ตามกำลังเงิน สมัยก่อนราคายังไม่สูงเช่นทุกวันนี้ สำหรับการศึกษาพระหลวงพ่อพรหม ว่ากันตามเป็นความจริง ไม่ยากเลย เพราะของปลอมแตกต่างจากของแท้มาก หากได้พบเห็นของแท้มาก่อน จะจดจำได้ง่าย เมื่อเห็นของปลอมก็รู้ได้ทันที โดยไม่ต้องส่องแว่นขยาย เพราะฝีมือทำปลอมห่างไกลมาก นอกจากบางรุ่นเท่านั้นที่ฝีมือเฉียบขาด โดยเฉพาะรุ่นที่มีน้อย และมีราคาแพง ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยส่วนตัวของลั้งเอง ได้พบเห็นพระหลวงพ่อพรหมของแท้จากวัดมาแล้วมากมาย แทบทุกรุ่น จึงจดจำตำหนิพิมพ์ทรง และโค้ดที่ตอกในองค์พระได้อย่างแม่นยำ เรียกว่า พบเห็นที่ไหนก็สามารถตัดสินใจซื้อพระได้ด้วยตัวเอง ทุกวันนี้พระหลวงพ่อพรหมมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยบุญบารมีของท่านเอง เพราะความศักดิ์สิทธิ์ และประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเสมอ ราคาพระหลวงพ่อพรหมที่สูงขึ้นจึงเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ใช่แพงเพราะมีการปั่นราคากันแต่อย่างใด และเชื่อว่า อนาคตพระหลวงพ่อพรหมจะต้องมีราคาสูงขึ้นไปกว่าทุกวันนี้อีก เพราะมีผู้หันมาสะสมพระของท่านกันมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ในขณะที่พระของท่านมีจำนวนเท่าเดิม เมื่อจำนวนผู้ต้องการมีมากขึ้น แต่ของมีน้อยลง ราคาจึงย่อมสูงขึ้นไปด้วย" ลั้ง กล่าวอย่างมั่นใจ
นอกจาก พระหลวงพ่อพรหม แล้ว ลั้งยังให้ความสนใจ พระหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค อ.ตาคลี อีกสำนักหนึ่ง เพราะเป็นพระเกจิอาจารย์ในยุคเดียวกันกับหลวงพ่อพรหม และวัดก็อยู่ไม่ห่างไกลกันมากนัก ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าคาถาอาคมมาก หลวงพ่อพรหมถึงกับบอกว่า นับถือหลวงปู่สีเป็นอาจารย์ โดยหลวงปู่สีมีความอาวุโสสูงกว่าหลวงพ่อพรหม ทั้งอายุและพรรษา
ขณะเดียวกัน คุณสามีของลั้งก็เป็นผู้สนใจพระเครื่องเช่นกัน เป็นนักสะสมพระสายหลวงพ่อทวด ทุกสำนัก ไม่ว่าจะเป็นของวัดช้างให้ หรือวัดทรายขาว รวมทั้งพระเนื้อผง และเหรียญพระคณาจารย์ต่างๆ อาทิ วัดประสาทบุญญาวาส และวัดอื่นๆ อีกหลายวัด
ลั้ง กล่าวในตอนท้ายว่า ตัวเองไม่ใช่ เซียนพระ (หญิง) แต่อย่างใด เพียงแต่มีความศรัทธาสนใจในพระเครื่องของหลวงพ่อพรหม และหลวงปู่สี มาโดยตลอด จึงพอมีความรู้ดูพระสายนี้ได้พอสมควร และยินดีที่จะให้บริการแก่ผู้สนใจทุกท่าน ด้วยความซื่อสัตย์ และจริงใจเสมอ ร้านพระของ ลั้ง พรหมรักษา อยู่ใน ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โทร.๐๘-๑๗๕๔-๙๙๐๑
0 ตาล ตันหยง 0