ส่องห้องทำงาน 'อนุทิน ชาญวีรกูล' ที่มหาดไทย จัดเต็มพระพุทธรูป ข้างโต๊ะทำงาน
ส่องห้องทำงาน มท.1 'อนุทิน ชาญวีรกูล' จัดเต็มพระพุทธรูป พระอรหันต์ เทวรูป บูชาใกล้ชิดติดโต๊ะทำงาน ทั้ง พระนาคปรก หลวงโสธร พระอุปคุต ท้าวเวสสุวรรณ
เป็นอีกหนึ่งกระทรวงที่สังคมให้ความสนใจใคร่รู้ ยิ่งเป็นคอการเมืองด้วยแล้ว ยิ่งจับตาเป็นพิเศษ กับ กระทรวงมหาดไทย ที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อย่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ข้ามห้วยจากย่านแคราย กระทรวงสาธารณสุข มารับตำแหน่งใหม่ที่ย่านวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร หัวหน้าเหล่าสิงห์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย 3 คน ประกอบด้วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ เข้าทำงานวันแรก และเป็นที่รับรู้รับทราบกันในวงกว้างว่า นายอนุทิน นั้น เป็นคนที่มีความเชื่อความศรัทธา หรือ เรียกง่ายๆว่า เป็นคนมูเตลู ทั้งเคยโพสต์ภาพพระเครื่องพวงใหญ่ และมีภาพที่เจ้าตัวห้อยพระมหาสังข์เวียนขวาราคาแพงระยับมาแล้ว การเข้ากระทรวงมหาดไทยนั้น ย่อมต้องถือฤกษ์ดี ของดี อย่างแน่นอน
อย่างการเดินทางมาถึงกระทรวงนั้น นายอนุทิน ถือฤกษ์เวลา 08.09 น.จึงมาถึงวัดราชบพิธฯ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ในภาพกว้างอยู่ในช่วงฤกษ์ ภูมิปาโลฤกษ์ โรหิณีนักษัตร ทั้งนี้ ภูมิปาโล แปลว่า ผู้รักษาแผ่นดิน เป็นบูรณฤกษ์ที่เข้มแข็ง เหมาะแก่การวางฤกษ์ประกอบกิจการงานเพื่อความมั่นคงถาวรเป็นหลักฐานในระยะเวลายาวนาน ค่อย ๆ เจริญขึ้นจนบรรลุวัตถุประสงค์หลัก และไปสักการะพระพุทธอังคีรส พระประธานของพระอุโบสถ และถวายสัการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่5 และเข้ากราบสักการะ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ก่อนเข้าเฝ้า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
จากนั้นนายอนุทิน และคณะรัฐมนตรีช่วยว่าการ เดินทางมุ่งหน้าจะเข้ามายังกระทรวงมหาดไทย ตามกำหนดการ นายอนุทิน ต้องเข้าสักการะสิ่งศักดิสิทธิ์จุดแรก คือ ศาลพระพรชัยมงคล ที่ประตูนเรศวร ซึ่งสื่อก็ตั้งกล้องรอเก็บภาพพร้อมเพรียง แต่บังเอิญ ตรงประตูดังกล่าว มีคำว่า "ประตูออก" ติดอยู่ นายอนุทินจึงได้เดินมาเข้ากระทรวงทางประตูสิงห์ ก่อนจะเดินย้อนกลับไปประตูนเรศวร อีกครั้ง และได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า "ขอเข้าประตูนี้ เดินไปประตูนั้น เห็นป้ายว่า ประตูทางออก ไม่กล้าเข้าเลย" ทำให้ทั้งนักข่าวและช่างภาพต้องวิ่งตามกันว้าวุ่นเลยทีเดียว
จากนั้นนายอนุทิน ก็ได้นำคณะ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง 3 จุด คือ ศาลพระชัยมงคล ศาลพระกาฬไชยศรี และพระอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ แล้วพบกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ถัดจากการพบผู้บริหารของกระทรวง นายอนุทิน เข้าห้องทำงานประจำตำแหน่ง เพื่อสักการะพระพุทธรูปประจำห้อง แล้วเข้านั่งเก้าอี้โต๊ะทำงาน จุดสังเกตที่น่าสนใจคือ พระพุทธรูป ทั้ง พระนาคปรก พระพุทธโสธร หรือ หลวงพ่อโสธร และรูปเคารพพระอรหันต์ พระอุปคุตทรงประทับเหนือพญานาค รวมทั้งเทวรูปท้าวเวสสุวรรณ ตั้งด้านข้าง
สำหรับ พระนาคปรก เปรียบเสมือนพญานาคได้แผ่พังพาน ปกป้องคุ้มครองเจ้าชะตาให้พ้นทุกข์และภัยพิบัติต่างๆ และยังมีความเชื่อว่าพระปางนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ทางเมตตา ซึ่งเป็นการสอนทางอ้อมให้เห็นอานิสงค์หรือผลดีของความเมตตา เพราะแม้แต่พญานาคยังขึ้นจากสระน้ำมาถวายอารักขาพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ก็ด้วยพลานุภาพแห่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ การบูชา พระนาคปรก เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ เสริมดวงชะตา เมตตามหานิยม ทรัพย์ มหาอำนาจ ดีทุกด้านแก่ผู้บูชา การ พระนาคปรก บูชานั้น องค์พระจะคุ้มครองคุ้มภัยอันตรายทั้งหลาย เสมือนว่าท่านได้คุ้มครองอยู่ตลอดเวลา
ส่วน หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองฉะเชิงเทรา ประดิษฐานอยู่ที่พระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือ วัดหลวงพ่อโสธร มีพุทธลักษณะ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบ พระชงฆ์ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย ซึ่งวางซ้อนกันอยู่บนพระเพลา
ว่ากันว่าผู้ที่ได้มาขอพรกับ หลวงพ่อโสธร มักจะสมปรารถนาในเรื่องการค้าขาย ประสบความสำเร็จ มีโชคลาภเงินทอง และสุขภาพแข็งแรง ทำให้มีคนจำนวนมากต่างบูชาและสักการะ หลวงพ่อโสธร ขอบารมีจากหลวงพ่อโสธร ให้ปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง
ถัดมาองค์ที่ 3 เป็นพระอุปคุต หรืออีกชื่อคือ พระอุปคุปต์ เป็นพระภิกษุองค์สำคัญองค์หนึ่งในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช และเป็นปฐมาจารย์แห่งนิกายสรวาสติวาท ซึ่งชื่อ "อุปคุต" มีความหมายว่า ผู้คุ้มครองรักษา
ความเชื่อเกี่ยวกับ พระอุปคุต มีหลายตำนาน แต่มีอยู่ตำนานหนึ่งที่เชื่อกันว่า พระอุปคุตมีอิทธิฤทธิ์ปราบท้าววสวัตตี โดยมีเรื่องเล่ามาว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี ปัจจุบันคือ เมืองปัตนะ ภาคใต้ของประเทศอินเดีย พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ทั้งหมดที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แต่ถูก พญามาร มาผจญ ท่านจึงนิมนต์ พระอุปคุต ไปปราบ จนพญามารยอมแพ้ ทำให้ชื่อเสียงของพระอุปคุตโด่งดังไปทั่ว โดยเฉพาะในทางปราบมาร และว่ากันว่า พระอุปคุต ปางประทับนั่งบนพญาศรีสัตตนาคราช 7 เศียร ที่ทรงศักดานุภาพ ขอการใดก็มักสัมฤทธิ์ผล
สุดท้ายที่เทวรูป ท้าวเวสสุวรรณ หนึ่งในมหาราชทั้ง 4 ที่ปกครองสวรรค์ เป็นเทพผู้ปกป้องพระพุทธศาสนา และ เป็นเทพผู้คุ้มครองโลกมนุษย์ คอยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต อีกทั้งยังเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่มีขุมทรัพย์มหาศาล ท่านได้ปรากฎอยู่ในหลายความเชื่อทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นท้าวกุเวรของอินเดียใต้ พระซัมภลของทิเบต หรือ ตัวเหวินเทียนหวังของจีน ทำให้ท่านเป็นเทพองค์หนึ่งที่เป็นที่เคารพนับถือในหลาย ๆ ประเทศ
เชื่อกันว่าหากผู้ใดได้มากราบไหว้บูชาท้าวเวสุวรรณ ท่านจะช่วยให้ได้สมหวังสมปารถนา ทั้งในด้านทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่งร่ำรวย ลาภยศ อำนาจวาสนา และยังช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลไม่กล้าเข้ามารบกวน จึงเป็นที่นิยมในการนำท้าวเวสสุวรรณไปแขวนไว้เหนือเปลของเด็กทารก เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้าใกล้เด็กทารก รวมถึงการบูชาไว้ในรถเพื่อช่วยให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัยอีกด้วย
เรียกว่าจัดหนักจัดเต็มสมเป็นสายมูโดยแท้