
พระเทพปวรเมธี ขออย่ายกเลิกใบสุทธิ เป็นธรรมเนียมพระสงฆ์
ตัวแทนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ากราบสักการะ พระเทพปวรเมธี รองอธิการบดี ฝ่ายบริหาร มจร. หนุนทำบัตรสาร์ทการ์ด ขออย่ายกเลิกใบสุทธิ
หลังผ่านการประชุมและการศึกษาข้อมูลมาหลายปี ในประเด็นการที่ภาครัฐจะทำการออกบัตรสมาร์ทการ์ด ให้กับพระสงฆ์เพื่อป้องกันการแอบแฝงเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ของบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ รวมทั้งบุคคลที่มีคดีความต่างๆ รวมทั้งในรัฐบาลปัจจุบัน ก็มีแนวทางที่จะนำโครงการดังกล่าวมาดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดมหาจุฬาลงกรณ์ราชูทิศ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเจ้าคุณพระเทพปวรเมธี รองอธิการบดี ฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ให้ ดร.นิยม เวชกามา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี "นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด" เข้ากราบนมัสการ
จากนั้น ท่านเจ้าคุณพระเทพปวรเมธี เปิดเผยว่าขอฝากถึงท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผ่าน ดร.นิยม เวชกามา ซึ่งรัฐมนตรีพวงเพ็ชร กำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดูแลพระภิกษุ-สามเณร ทั้งประเทศ รวมถึงพระภิกษุสงฆ์ที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศด้วย ที่มีแนวคิดและนโยบายที่จะจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ด ให้พระภิกษุ-สามเณร เพื่อแสดงตัวตนที่แท้จริง เพื่อไม่ให้พวกอลัชชี เข้ามาปลอมแปลงบวชในพระพุทธศาสนา และเป็นพวกบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา โดย ท่านเจ้าคุณพระเทพปวรเมธี กล่าวว่า อาตมาเห็นด้วยอย่างยิ่ง และพร้อมสนับสนุน ในนาม"มจร
นอกจากนี้ ท่านเจ้าคุณพระเทพปวรเมธี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามอาตมาขอฝากว่า ในส่วนของใบสุทธิพระและสามเณร จะต้องให้คงอยู่เพราะใบสุทธิ เป็นหลักฐานว่าบวชจากพระอุปัชฌาย์รูปไหน กัมมวาจาจารย์ อนุวาจาจารย์ คือใคร เพื่อตรวจสอบ ซึ่งไม่มีในบัตรสมาร์ทการ์ด ซึ่งเป็นธรรมเนียมของคณะสงฆ์ ถือปฎิบัติกันมาด้วย จะได้รู้อาวุโสภัณเต กันด้วยว่า อุปสมบทจากสำนักไหน
ที่ผ่านมาการดำเนินการเรื่องของบัตรสาร์ทการ์ดของพระสงฆ์นั้น มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยการขับเคลื่อนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมกับคณะสงฆ์ ทั้งการจัดการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดทำบัตร และการจัดเก็บฐานข้อมูล พระภิกษุ สามเณร และที่ผ่านมานั้นมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 เห็นชอบเรื่องการขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริหารภาครัฐ โดยให้ส่วนราชการและหน่วนงานของรัฐแจ้งรายชื่อฐานข้อมูลให้กระทรวงมหาดไทยภายใน 3 เดือน และจัดเตรียมฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยเชื่อมระบบฐานข้อมูลของตนเองกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร จึงขอให้ที่ประชุมร่วมพิจารณา
หลักเกณฑ์การออกบัตรสาร์ทการ์ดที่เคยมีการประชุมกันมาก่อนหน้านี้นั้น มีการกำหนดว่า
1.กำหนดขอบเขตฐานข้อมูล คือ พระภิกษุสามเณร มีพรรษาตั้งแต่ 1 พรรษา ขึ้นไป
2.กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนการจัดทำ Smart card และการจัดทำเก็บฐานข้อมูลพระภิกษุสามเณร ให้มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน
3.กำหนดรายละเอียดข้อมูลพระภิกษุสามเณรให้มีความเหมาะสมถูกต้องครบถ้วน เพื่อจัดเก็บในระบบฐานข้อมูลพระภิกษุสามเณรของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
4.พิจารณากำหนดสิทธิผู้เข้าถึงฐานข้อมูลพระภิกษุสามเณรในแต่ละระดับให้ชัดเจน รวมถึงกำหนดแนวทางการปรับปรุงฐานข้อมูลพระภิกษุสามเณรให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน