ศรัทธาสายมู

เยือน วัดคฤหบดี กราบสักการะขอพร พระพุทธแซกคำ พระโบราณจากยุค พระนางจามเทวี

เยือน วัดคฤหบดี กราบสักการะขอพร พระพุทธแซกคำ พระโบราณจากยุค พระนางจามเทวี

11 ม.ค. 2566

ไหว้พระขอพร เยือน วัดคฤหบดี พระอารามหลวง กราบสักการะ พระพุทธแซกคำ พระพุทธรูปสำคัญแต่โบราณ เกร็ดประวัติศาสตร์ระบุ สร้างในสมัย พระนางจามเทวี ถ้าขอพรต้องแก้บนด้วย อาหารอีสาน

พระพุทธรูปสำคัญนั้น มีด้วยกันหลายองค์ ซึ่งมีความสำคัญเป็นระดับพระพุทธรูปคู่บ้านขวัญเมือง พระพุทธรูปที่ผู้คนนับถือ ด้วยเชื่อมั่นในพุทธานุภาพ ที่เล่าลือขานกล่าว ในกรุงเทพฯ นั้น ช่วงยุคการสร้างบ้านสร้างเมือง ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญจากหัวเมืองต่าง ๆ เข้ามายังพระนคร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้อาณาประชาราษฎร์ ทำให้อารามต่าง ๆ มีพระพุทธรูปโบราณประดิษฐานอยู่ 

ในจำนวนพระพุทธรูปที่อัญเชิญมานั้น มี พระพุทธแซกคำ รวมอยู่ด้วย 

วัดคฤหบดี  ภาพของ เฟซบุ๊ก สีสัน ของโลก
 

วัดคฤหบดี ตั้งอยู่ที่ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 44 เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และมี“หลวงพ่อพระพุทธแซกคำ” ประดิษฐานเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอาราม ที่มาที่ไป มีเกล็ดตำนานว่า พระพุทธรูปองค์นี้ เคยพระคู่บ้านคู่เมืองในสมัยอาณาจักรล้านนา ในรัชสมัย สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช พระมหากษัตริย์ 2 แผ่นดิน หลวงพระบาง กับ เชียงใหม่ ซึ่งพระองค์ ได้อัญเชิญ พระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ พระแก้วมรกต พระพุทธแซกคำ และ พระบาง ประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง จนเมื่อมีการ ย้ายราชธานี เพื่อตั้งรับต่อสู้กับ พระเจ้าบุเรงนอง แห่ง ราชอาณาจักรหงสาวดี จาก หลวงพระบาง สู่ เวียงจันทน์ ทำให้มีการประดิษฐานพรัพุทธรูปทั้ง 3 องค์ อยู่ยาวนานถึง 269 ปี 

ภายหลังเหตุการณ์ เจ้าพระยาบดินทรเดชา ยกทัพปราบกบฏ เจ้าอนุวงศ์ อย่างราบคาบ ในช่วงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3  ได้ทำการอัญเชิญ พระพุทธแซกคำ กลับลงมาพระนคร รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานพระพุทธแซกคำให้มาเป็นพระประธานสถิตประดิษฐานในพระอุโบสถ พระอารามหลวงวัดคฤหบดี เป็นศรีสง่าแก่พระอารามนับตั้งแต่พุทธศักราช 2369 มาจนถึงทุกวันนี้

พระพุทธแซกคำ วัดคฤหบดี ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัดคฤหบดี พระอารามหลวง

สำหรับประวัติ ของ วัดคฤหบดี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร เป็นวัดที่พระยาราชมนตรีบริรักษ์ (ภู่) ต้นสกุลภมรมนตรี เป็นผู้สร้างในปี พ.ศ. 2367  ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดคฤหบดีครั้งใหญ่ ทำให้อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีสภาพถาวรมั่นคงเป็นที่พอพระราชหฤทัย และได้พระราชทานตราประจำรัชกาลพระองค์ประดิษฐานไว้จนกระทั่งบัดนี้
 

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปคู่อาณาจักรล้านนา ยังมีเกร็ดประวัติการสร้าง ซึ่งมีการระบุบอกเล่าว่า มาจากการบอกเล่าของ พระเดชพระคุณ พระญาณรังสี หรือหลวงปู่ตุ๊ พรหฺมโชตะเถระ อดีตเจ้าอาวาสวัดคฤหบดีรูปที่ 9 เมื่อปี 2499 โดยท่าน ได้ปรารภถึงประวัติหลวงพ่อแซกคำว่าผู้ใดเป็นผู้สร้างกันแน่ และได้กล่าวเล่าเรื่องตำนานการสร้างไว้ดังนี้
ตำนานการสร้าง “หลวงพ่อพระพุทธแซกคำ” สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16-18 คือในระหว่าง พ.ศ.1600-1800 นับจนถึงปัจจุบันมีอายุยาวนานถึงกว่า 950 ปีเข้าไปแล้ว ปี พ.ศ.2499 

พระพุทธแซกคำ ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัดคฤหบดี พระอารามหลวง


เมื่อพระนางจามเทวีได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นกษัตริยาแห่งหริภุญชัยนคร พระนางเจ้าให้ช่างสร้างพระพุทธรูปขึ้นจำนวน 3 องค์ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณ พระชนก และพระชนนี และ เป็นการฉลองในส่วนพระองค์เองด้วย เมื่อสร้างเสร็จแล้วจัดงานสมโภชพระพุทธรูปตลอด 3 วัน 3 คืน พระนางจามเทวี ทรงปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ สวยงามไม่มีที่ติ ถ้าหากว่ามีพระพุทธรูปองค์ใดงามยิ่งกว่า ก็ขอให้มาปรากฏให้เห็นในมณฑลพิธีนี้”

พระบรมราชานุสาวรีย์ พระนางจามเทวี ภาพจาก เฟซบุ๊ก วัดคฤหบดี พระอารามหลวง

เมื่อจบคำอธิษฐานทั่วทั้งมณฑลพิธีตลบไปด้วยกลุ่มควันสีขาวและมีลำแสงทอดลงมาจากนภากาศและปรากฏเห็นพระพุทธรูปมีลักษณะงดงามมาก แหวกอากาศลงมาตามลำแสงสีทองคำ มาตั้งประดิษฐานแซก (แทรก) อยู่ในระหว่างพระพุทธรูป 3 องค์นั้น พระนางจามเทวีเห็นอัศจรรย์ดังนั้นยิ่งมีจิตโสมนัสเป็นอย่างมาก โปรดฯให้จัดงานสมโภชฉลองจนครบ 9 วัน 9 คืน

และตั้งชื่อพระพุทธรูปนี้ว่า “พระพุทธแซกคำ” เหตุเพราะแหวกอากาศลงมาตามลำแสงสีทองคำ มาตั้งแซก (แทรก) อยู่ท่ามกลางพระพุทธรูปทั้ง 3 จึงได้นามว่า พระพุทธแซกคำ จากนั้นมากล่าวขานกันว่า ท้าวสักกะ อินทราธิราช ได้เนรมิตสร้าง พระพุทธแซกคำ เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เชื่อกันว่า เป็นพระศักดิ์สิทธิ์

สำหรับการมาขอพร ต่อหลวงพ่อพระพุทธแซกคำ โดยผู้ที่มีความเลื่อมใส ต่อ พระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อมาทำการบนบานศาลกล่าว ในเรื่องต่าง ๆ นั้น เมื่อการขอพรตามที่บนบานนั้นสำเร็จประโยชน์ สมปรารถนาแล้ว จะทำการแก้บน ด้วยไข่ดิบ หรือ เมนูอาหารอีสาน เช่น ส้มตำปลาร้า ลาบ น้ำตก เป็นต้น