สายมูต้องรู้ 'ศาลนางไม้เจ้าจอม' หรือ 'ศาลเจ้าหญิงมณฑาทิพย์' ห้ามบนสิ่งนี้
ความศักดิ์สิทธ์ภายในวัดบางกุ้ง นอกจากหลวงพ่อนิลมณี ภายในโบสถ์ปรกโพธิ์แล้ว หากเดินไปด้านหลังของโบสถ์จะเป็นที่ตั้งของ 'ศาลนางไม้เจ้าจอม' หรือ 'ศาลเจ้าหญิงมณฑาทิพย์' (แม่หญิงจันทร์เจ้า) ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กัน มีคนเคารพนับถือกันมาก
วัดบางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม กลายเป็นจุดหมายปลายทางของบรรดาสายมูในชั่วข้ามคืน หลังโซเชียลโพสต์ว่ามีคนได้เลขเด็ด และถูกรางวัลที่ 1 หลังจากไปกราบหลวงพ่อนิลมณี ภายในโบสถ์ปรกโพธิ์ แต่ความศักดิ์สิทธ์ภายในวัดบางกุ้งยังไม่หมดแค่นั้น หากเดินไปด้านหลังของโบสถ์ปรกโพธิ์ จะเป็นที่ตั้งของศาลนางไม้เจ้าจอม หรือศาลเจ้าหญิงมณฑาทิพย์ (แม่หญิงจันทร์เจ้า) ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กัน มีคนให้ความเคารพนับถือกันมาก
จุดเริ่มต้นของการบูรณะวัดบางกุ้งนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2531 บริเวณวัดเป็นป่ารกร้าง พระวินัยธร องอาจอาริโย ได้เดินธุดงค์มาที่บริเวณวัดบางกุ้ง ปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่ข้างอุโบสถหลวงพ่อนิลมณี หรือโบสถ์ปรกโพธิ์ ซึ่งเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้เดินสำรวจบริเวณวัดซึ่งทราบมาบ้างว่าวัดนี้เคยเป็นค่ายทหารจีนบางกุ้งสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานีมาก่อน ยามดึกขณะเจริญกรรมฐานมักจะเกิดนิมิตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดไทยโบราณมากราบไหว้หลวงพ่อนิลมณีหน้าโบสถ์ปรกโพธิ์เป็นประจำ มีลักษณะผอมสูงผมยาวใบหน้างาม แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ต่อมาไม่นานเสาคานที่หน้าอุโบสถหล่นตกลงมาพิงอยู่ข้างอุโบสถ คืนนั้นเองท่านได้นิมิตเห็นผู้หญิงชุดไทยคนเดิมมาบอกให้นำไม้ท่อนนี้มาไว้ที่หลังอุโบสถแล้วให้สร้างศาลด้วย
ท่านก็ทำตามให้ชาวบ้านช่วยกันนำไม้มาไว้หลังอุโบสถแล้วสร้างศาลให้ตามคำขอร้อง นำไม้ท่อนนั้นแกะสลักเป็นรูปหน้าผู้หญิงไม่มีแขนขาไว้ภายในให้ชื่อว่า “ศาลนางไม้เจ้าจอม” ผู้คนให้ความเคารพนับถือกันมากเพราะมีความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารแก่ผู้คนอยู่เสมอ
ต่อมาพระวินัยธรได้ฟื้นฟูวัดบางกุ้งร่วมกับประชาชนจนเป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงแต่งกายชุดไทยโบราณมาปรากฏในนิมิตอีกได้บอกว่าเป็นองค์หญิงพระนามว่า “เจ้าหญิงมณฑาทิพย์ (แม่หญิงจันทร์เจ้า)” ต้องการให้สลักรูปองค์หญิงจากไม้ต้นโพธิ์ซึ่งมีอายุประมาณ 100 ปี โดยขอร้องให้แกะสลักทั้งองค์ หลังจากนั้นท่านได้ปรึกษาหารือญาติโยมหาช่างแกะสลัก เมื่อตกลงราคากันแล้วพอช่างจะลงมือแกะสลักกลับไม่รู้ว่าจะแกะสลักเป็นรูปองค์แบบใด เพราะไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาเจ้าหญิงมณฑาทิพย์มาก่อนทำให้แกะสลักไม่ได้
เมื่อการเป็นดังนี้ ท่านเจ้าอาวาสจึงลงมือแกะสลักเองทั้งที่ไม่เคยแกะสลักไม้รูปใดๆ มาก่อน การแกะสลักไม้เป็นรูปคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท่านได้ใช้ความพยายามอย่างสูงแกะสลักแบบที่เห็นเจ้าหญิงในนิมิตเหมือนมีอำนาจอย่างหนึ่งมาดลบันรดาลให้แกะได้สำเร็จ สลักอักษรไว้ที่ฐานว่า “เจ้าหญิงมณฑาทิพย์ (แม่หญิงจันทร์เจ้า)”
ภายหลังพระวินัยธร พบหนังสือ “กฎแห่งกรรม” ของคุณ ท.เลียงพิบูรณ์เข้าโดยบังเอิญพบเห็นเรื่องราวของเจ้าหญิงมณฑาทิพย์ (แม่หญิงจันทร์เจ้า) เช่นเดียวกับที่เคยนิมิตเห็นน่าจะเป็นองค์เดียวกัน มีเนื้อหาดังนี้ เจ้าหญิงมณฑาทิพย์ (แม่หญิงจันทร์เจ้า) ประสูติเมื่อปลายกรุงศรีอยุธยา 2291 เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) กับสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์
เจ้าหญิงมณฑาทิพย์ เป็นพระธิดาของ กรมหลวงบวรวัง ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ บ้านเมืองมีเหตุเดือดร้อน มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ผู้ใดประจบสอพลอผู้นั้นจะได้เป็นใหญ่ทั้งที่ไร้ความสามารถ ผู้ครองแผ่นดินได้แต่ลุ่มหลงและเสพสุขในกามา หากใครมีบุตรีต้องนำตัวมาถวายใครขัดขืนจะถูกประหารชีวิตเหลืออยู่ก็แต่กรมหลวงบวรวังในที่ท่านไม่ทรงยอมข้องเกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด ไม่คบค้าสมาคมกับใคร
เมื่อพระธิดาเจริญพระชันษาเป็นสาวให้แต่งองค์เป็นชาย พร้อมทั้งข้าทาสบริวารที่เป็นหญิง 300 คน เป็นชายอีก 16 คน จัดให้ฝึกอาวุธเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวเช่น ฟันดาบ กระบี่กระบอง หมัดมวย ตำราพิชัยสงคราม เจ้าหญิงมณฑาทิพย์ (แม่หญิงจันทร์เจ้า) ทรงเชี่ยวชาญอาวุธตลอดจนเวทมนตร์คาถา ทรงมีความสามารถด้านวิชาอาคมยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน
เมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกข้าศึกพม่ายกกองทัพประชิดเมือง ผู้เป็นพระบิดาทรงสั่งให้บ่าวไพร่ต่อเรือใหญ่ 30 ลำ เรือเร็ว 10 ลำ เรือแจว 20 ลำพร้อมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร อุปกรณ์การก่อสร้าง อาวุธยุทโธปกรณ์ลงด้วยอาคมพร้อมเรือคุ้มกันองค์หญิง ซึ่งแต่งกายเป็นชายเยี่ยงชายชาวบ้านธรรมดา หลบหนีออกจากกรุงตอนกลางคืน แต่พระบิดามิได้มาด้วย กองเรือได้ล่องน้ำมาเป็นระยะเวลา 3 วันพบกองเรือพม่าบรรทุกกระสุนดินดำจึงสั่งให้พลพรรคเข้าโจมตีตอนเวลาดึกจึงเกิดไฟลุกโชติช่วงฆ่าทหารพม่าซึ่งกำลังหลับเพราะเมามายแทบหมดสิ้น จนรุ่งเช้าพม่าส่งกำลังติดตาม องค์หญิงสั่งให้กองกำลังหลบตามป่าชายฝั่งแล้วร่ายเวทมนต์กำบังพรางตาจนพม่าพ้นไป กองเรือหนีเล็ดรอดไปได้อย่างปลอดภัย แล้วหาทำเลสร้างเมืองเล็กๆ อยู่ เมื่อคราวศึกบางกุ้งเจ้าหญิงได้คุมกำลังเข้าช่วยรบพม่าเป็นสามารถจนได้รับชัยชนะ เมื่อสิ้นอายุขัยดวงวิญญาณยังผูกพันกับวัดบางกุ้งยังคงวนเวียนอยู่ที่ศาลคอยแผ่บารมี ให้ความช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนที่มาขอพึ่งพา
เรื่องความเป็นมาของเจ้าหญิงมณฑาทิพย์ (แม่หญิงจันทร์จ้าว) นับว่าพิสดารมาก ความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าหญิงมณฑาทิพย์ (แม่หญิงจันทร์จ้าว) เป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไป ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนอย่างไรมาบนบานในสิ่งที่ต้องการมักไม่ผิดหวัง เป็นต้นว่า เรื่องหน้าที่การงาน การสอบเข้างาน การสอบเรียน และทางด้านโชคลาภ มีคนได้เลขไปเสี่ยงโชคแล้วรวยมีปรากฏอยู่เสมอ แต่ห้ามบนเรื่องเกณฑ์ทหารเด็ดขาด เพราะท่านชอบทหารที่มีเลือดนักสู้เต็มตัวเมื่อมีชีวิตอยู่