
เกมเก๋า “ประวิตร” เลิก MOU44 รุก “แพทองธาร” ที่แท้ลุงดอดถกเขมร
จุดไฟชาตินิยมเกาะกูด “ประวิตร” รุก “แพทองธาร” ยกเลิก “MOU44” ที่แท้ลุงป้อมเคยถกเขมร เรื่องแบ่งปิโตรเลียม
เกมกลบ้านป่า ประวิตร รุกรัฐบาล แพทองธาร ยกเลิก MOU44 ปกป้อง เกาะกูด จุดไฟชาตินิยมรอบใหม่
ย้อนรอยปี 2564-2566 รัฐบาลลุงตู่ ไม่คิดยกเลิก MOU44 ส่ง ลุงป้อม คุมเกมเจรจากัมพูชา หวังแบ่งปันขุมทรัพย์ปิโตรเลียมใต้ทะเล
วันที่ 4 พ.ย.2567 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุยกันที่ห้องเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า นัยว่า จะมีประเด็นการเรียกร้องให้ยกเลิก MOU44 ด้วยเกรงว่า อาจทำให้ไทยต้องเสียเกาะกูด
อันเนื่องมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ สส.ไปแถลงข่าวที่สภาฯ เตือนให้ระวังจะเสียแผ่นดินให้กัมพูชา โดยอ้างการลากเส้นแบ่งเขตแดนตาม MOU44 จะทำให้เสียเกาะกูดไป จึงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยูฉบับดังกล่าว
หลายคนอาจลืมไปว่า รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา มีแนวนโยบายที่จะดำเนินการแก้ไขข้อพิพาทในเขตทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชาเช่นกัน
ต้นปี 2566 ช่วงปลายรัฐบาลประยุทธ์ เริ่มเห็นสัญญาณการรื้อฟื้นการเจรจารอบใหม่ โดย พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ได้นำข้อมูลใหม่มาแจ้งว่า รัฐบาลกัมพูชา แสดงความพร้อมในการกลับเข้ามาเจรจา เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกัน เนื้อที่ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตรในอ่าวไทย ซึ่งเชื่อว่ามีสำรองปิโตรเลียมในปริมาณ และมูลค่ามากมายมหาศาลรอการขุดค้นขึ้นมาใช้ประโยชน์
บัดนี้ ลุงป้อมรับบทฝ่ายค้าน กลับเปิดเกมรุกกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ด้วยการเรียกร้องให้ยกเลิก MOU44
ข้อเท็จจริง MOU44
อะไรคือ MOU44 ทำไมไทยจะต้องเสียเกาะกูด อาจเป็นคำถามของคนไทยอีกจำนวนไม่น้อย ที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองในยามนี้
MOU44 หรือ “บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน” ร่วมลงนามโดย สุรเกียรติ เสถียรไทย รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย และ ซก อัน รัฐมนตรีอาวุโส และ ประธานการปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2544
เอกสารฉบับนี้เกิดขึ้นสมัยรัฐบาลทักษิณ เป็นบันทึกความเข้าใจ ไม่ใช่หนังสือสัญญาตามคำนิยามของกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่มีข้อความใดในบันทึกความเข้าใจฉบับปี 2544 ที่กำหนดให้มีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐแต่อย่างใด
พูดง่ายๆ ให้ไทย-กัมพูชา จะทำการเจรจาเพื่อแบ่งพื้นที่ทางทะเลและเพื่อจัดตั้งระบอบพัฒนาร่วมในการแบ่งปันค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์อันเกิดจากการพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกัน
เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว จึงจะทำเป็นหนังสือสัญญาเพื่อนำมาผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา
หลังรัฐประหาร 2549 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีมติยกเลิก MOU44 แต่ไม่ได้มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา จึงส่งผลให้บันทึกความเข้าใจยังคงมีสภาพบังคับอยู่ต่อไป
เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 มีบทบัญญัติในเรื่องบทบันทึกความเข้าใจ และมีการขยายขอบเขตของหนังสือสัญญาที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภา
บ้านป่าโหนชาตินิยม
ข้ามมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ประกาศว่าจะดำเนินการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา ภายใต้กรอบของบันทึกความเข้าใจฉบับปี 2544 และจะดำเนินการให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550
ในข้อเท็จจริง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ กระทั่งรัฐบาลสิ้นสภาพหลังจากการรัฐประหารในปี 2557
ก้าวมาสู่รัฐบาลประยุทธ์ ครม.แต่งตั้งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิคไทย-กัมพูชาในปี 2564
มติ ครม.ประยุทธ์ กำหนดเอาไว้โดยชัดแจ้งว่า จะดำเนินการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชาตามกรอบของบันทึกความเข้าใจปี 2544
แถมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ ก็ไม่ได้นำเรื่อง MOU44 เข้าสู่การพิจารณาเพื่อขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
พ.ศ.นี้ เสียงเรียกร้องให้ยกเลิก MOU44 ดังก้องทั้งในสภา และนอกสภา พร้อมการกลับมาของพลังอนุรักษนิยม ที่ประกาศก้องปกป้องเกาะกูด เหมือนกรณีเขาพระวิหาร สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์