คอลัมนิสต์

โดนลูกหลง “จิราพร” เสนาบดีพลังด้อม “นิสิต” ต้นตระกูลแดงพนมไพร

โดนลูกหลง “จิราพร” เสนาบดีพลังด้อม “นิสิต” ต้นตระกูลแดงพนมไพร

15 พ.ย. 2567

รู้จักสินธุไพร “จิราพร” รัฐมนตรีพลังด้อม ทายาท “นิสิต” อดีตครูหัวเอียงซ้าย สู่ต้นตระกูลเสื้อแดงพนมไพร

สาวพนมไพร จิราพร รัฐมนตรีดีเอ็นเอแดง ทายาท นิสิต ผอ.โรงเรียน นปช. ถูกหางเลขมหากาพย์ดิไอคอน 

 

รู้จักตระกูลสินธุไพร บนเส้นทางสู้เพื่อประชาธิปไตย นิสิตจากครูบ้านนอก สู่แกนนำเสื้อแดง ก่อนไปใช้ชีวิตต่างแดน

 

ในที่สุด มหากาพย์ดิโอคอนก็มาพาดพันกับมา “น้ำ” จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อมีกรณีคลิปเสียงนักร้องเรียนสาวอ้างว่า “ต้องนำเงินให้พ่อของรมต.น้ำ และได้ตั้งเป็นคณะทำงาน”

จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โต้กลับทันทีและยืนยันว่า ไม่รู้จักกับนักร้องเรียกอักษรย่อ ก.เป็นการส่วนตัว ไม่เคยคุย ไม่เคยทำงาน ไม่เคยใช้งาน

 

วันที่ 15 พ.ย.2567 กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คชี้แจงว่า “ไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆ กับท่านรัฐมนตรีเลยค่ะ ไม่เคยพบปะหรือพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน” พร้อมกับขอโทษ รัฐมนตรีน้ำ - จิราพร และพ่อ - นิสิต สินธุไพร

 

หลังจากนั้น สื่อสังคมออนไลน์ก็ส่องเส้นทางการเมืองของ นิสิต สินธุไพร ผู้เป็นต้นแบบการเมืองของรัฐมนตรีน้ำ  

 

สมัยที่นิสิต เป็น สส.ร้อยเอ็ด ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก กระทั่ง เขาได้เป็นหนึ่งในแกนนำ นปช. และเป็น ผอ.โรงเรียนการเมือง นปช.แดงทั้งแผ่นดิน จึงมีทั้งคนรักและชัง แถมมีคดีความติดตัว

 

ปัจจุบัน นิสิตใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน แต่ก็มีลูกสาว 2 คน รับมรดกการเมืองคือ “น้ำ” จิราพร สินธุไพร และ “เบียร์” ชญาภา สินธุไพร ได้รับเลือกเป็น สส.ร้อยเอ็ด ทั้งคู่

จิราพร และชญาภา กับ นายใหญ่ทักษิณ

 

สายเลือดแดงของแท้

 

ต้นปี 2549 ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ลงพัฒนาพื้นที่อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อแก้ปัญหาความยากจน เรียกว่า “อาจสามารถโมเดล”

 

นิสิต สินธุไพร เป็น สส.ร้อยเอ็ด และเป็นผู้นำพาทักษิณลงพื้นที่ อ.อาจสามารถ ซึ่งตอนนั้น “น้ำ” เรียนมัธยมฯปลาย และ “เบียร์” เรียนมัธยมฯต้นที่กรุงเทพฯ

 

20 กว่าปีผ่านไป จิราพรลงหาเสียงในพื้นที่ อ.อาจสามารถ ชาวบ้านยังพูดถึง “อาจสามารถโมเดล” และคิดถึงอดีตนายกฯทักษิณ

 

“ถ้าไม่มีรัฐประหาร ป่านนี้ อ.อาจสามารถ จะเป็นทองคำไปแล้ว” คำพูดของคนอาจสามารถ ที่พูดกับ สส.น้ำในวันนั้น

 

ปี 2561 นิสิต ให้ลูกสาว-จิราพร ลาออกจากราชการในตำแหน่งนักวิชาการพาณิชย์ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเตรียมตัวลงสมัคร สส.ร้อยเอ็ด เขต อ.พนมไพร และ อ.อาจสามารถ

 

ด้วยความเป็นลูกสาวเสื้อแดง ผอ.นิสิต และแม่เอมอร แถมสวมเสื้อเพื่อไทย จิราพร จึงได้รับเลือกเป็น สส.ร้อยเอ็ด สมัยแรกเมื่อปี 2562

 

ปี 2566 จิราพร ลงสนามเขต 5 อ.พนมไพร เหมือนเดิม ได้รับความไว้วางใจพี่น้องเสื้อแดงมากถึง 61,288 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสอง ผู้สมัครพรรคก้าวไกล ที่ได้แค่ 15,201 คะแนน

 

ขณะที่น้องสาวจิราพรคือ ชญาภา สินธุไพร ลงสมัคร สส.ร้อยเอ็ด เขต 8 ก็โกยแต้มได้มากถึง 47,305 คะแนน ชนะจุรีพร สินธุไพร พรรคไทยสร้างไทย ได้ 20,828 คะแนน

 

เขตนี้มีดราม่าสายเลือดสินธุไพร เป็นการต่อสู้ระหว่างหลาน-ชญาภากับอา-จุรีพร ซึ่งเดินคนละแนวทางการเมือง 

 

เส้นทางครูหัวเอียงซ้าย

 

นิสิต สินธุไพร โลดแล่นในยุทธจักรผู้นำครูภาคอีสาน ซึ่งเป็นกลุ่มครูบ้านนอกหัวก้าวหน้า รุ่นเดียวกับสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ,อวยชัย วะทา,ชิงชัย มงคลธรรม ฯลฯ

 

ปี 2544 นิสิต ได้รับเลือกเป็น สส.สมัยแรก พรรคความหวังใหม่ หลังความหวังใหม่ยุบรวมกับไทยรักไทย นิสิตจึงย้ายมาอยู่กับทักษิณ ชินวัตร

 

นิสิตถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ในคดียุบพรรคพลังประชาชน จึงส่งภรรยา เอมอร ลงสมัคร สส.ร้อยเอ็ด เขต 5 ในปี 2554 สังกัดพรรคเพื่อไทย

 

ระหว่างที่เอมอร เป็น สส.อยู่ในสภาฯ นิสิตก็เป็นแกนนำ นปช. และ ผอ.โรงเรียนการเมือง นปช.แดงทั้งแผ่นดิน

 

กว่า 30 ปี จากครูหนุ่มหัวเอียงซ้าย สู่เส้นทาง สส. และแกนนำ นปช. มาถึงชั่วโมงนี้ นิสิตคงเฝ้านับวันรอวันที่จะได้คืนสู่มาตุภูมิ