ได้กลิ่นขัดแย้ง ‘พิธา’ เผชิญเกมต่อรองสูง ‘อุ๊งอิ๊ง’ นิ่งรอเปลี่ยนเกม
MOU ก็แค่กระดาษเปล่า 'พิธา' เจอศึกใหญ่เพื่อไทยขี่คอต่อรองสูง 'อุ๊งอิ๊ง' ชิงรุกไม่รอส้มหล่น ก้าวไกลถอยแล้วถอยอีก แถมคนเสื้อแดงนัดรวมพล เรียกร้องพรรคถอนตัวจากรัฐบาลของด้อมส้ม
กลิ่นความเจริญหายไป พิธา เจอศึกใหญ่เพื่อไทยขี่คอต่อรองสูง อุ๊งอิ๊ง ชิงรุกไม่รอส้มหล่น ขอดันก้าวไกลไปจนสุดทาง ฟากเอฟซีสีแดงปะฉะดะด้อมส้ม สนั่นโซเชียล
ปมรื้อ MOU บวกคั่วประธานสภาล่าง พิธา ถอยแล้วถอยอีก แถมเอฟซีเพื่อไทยนัดรวมพลเรียกร้องถอนตัวจากรัฐบาลผสม 8 พรรค ก้าวไกลจะเดินต่อไปอย่างไร
คนไทย 14 ล้านเสียง ฝากความหวังไว้กับ MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาล ที่อยากเห็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างสง่างาม
มาถึงวันนี้ กลิ่นความเจริญหายไป เริ่มได้กลิ่นน้ำเน่าการเมือง MOU 8 พรรคร่วมส่อเค้าจะกลายเป็นกระดาษเปล่า เพราะพรรคอันดับหนึ่ง และพรรคอันดับสอง กำลังช่วงชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร
แม้ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันจะสนับสนุนพรรคที่ชนะอันดับหนึ่ง เราไม่มีรอหวังส้มหล่น เราจะช่วยให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ แต่ความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคเพื่อไทยบางกลุ่ม กลับสวนทางกับสิ่งที่อุ๊งอิ๊งพูดต่อหน้าว่าที่ สส. และอดีต สส.สอบตก
พรรคก้าวไกลประกาศชัดว่า ต้องการตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่เพื่อตำแหน่งหรืออำนาจ แต่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง มี 3 วาระที่สำคัญมากที่จำเป็นต้องใช้สถานะประธานสภาฯ ในการผลักดัน
MOU เป็นพิษ
เบื้องหลังฉาก 8 หัวหน้าพรรคการเมือง ลงนามใน MOU ไม่ได้หวานชื่นเหมือนยืนยิ้มต่อหน้ากองทัพสื่อมวลชน เพราะกว่าจะกลายเป็น 23 ข้อตามที่เห็นกันทั้งประเทศ มันมีการต่อรองอย่างเข้มข้น จนกระทั่งนาทีสุดท้าย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และแกนนำพรรคก้าวไกล ตระหนักดีว่า การเป็นรัฐบาลผสม ย่อมทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ เมื่อพรรคเพื่อไทย และพรรคไทยสร้างไทย ท้วงติงเรื่องแก้ ม.112 ก็ต้องยอมถอย พร้อมกับการเติมข้อความที่ยืนยันถึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ปิยบุตร แสงกนกกุล จึงรู้สึกไม่พอใจที่พรรคก้าวไกล อ่อนข้อให้พรรคร่วมรัฐบาลมากเกินไป โดยเฉพาะข้อความที่ “ต้องไม่กระทบต่อ..การดำรงอยู่ของสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์” เพราะจะทำให้ สส.พรรคก้าวไกล เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ได้เลย
อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกตัดออกไปจาก MOU คือ การนิรโทษกรรมคดีเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง ปิยบุตรไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะพรรคก้าวไกลไปรับปากนักเคลื่อนไหวกลุ่มราษฎรไว้
ดราม่าหมอชลน่าน
ความขัดแย้งระหว่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น หากฝ่ายแด๊ดดี้ปุ่น-ศิธา ไม่ติดลมบนในบทบาทอินฟลูเอนเซอร์การเมืองจนมากเกินไป
น.ต.ศิธา มีชื่อเสียงจากดีเบตก่อนวันเลือกตั้ง ด้วยลีลาการพูดจาตรงไปตรงมา สะใจกองเชียร์สีส้ม แต่การทำตัวเป็นสื่อมวลชน ยิงคำถามแบบเสียมารยาท ทั้งที่เป็นคนร่วมพิจารณาร่าง MOU
จริงๆแล้ว ดราม่าหมอชลน่าน และแด๊ดดี้ปุ่น ก็แค่ละครการเมืองฉากหนึ่ง ก่อนที่ความขัดแย้งใหม่ๆจะปะทุตามมา นั่นคือ การเคลื่อนไหวของเอฟซีเพื่อไทย หรือคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่ง ที่เตรียมออกมาเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลนำโดยพรรคก้าวไกล
“หากพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เอฟซีเพื่อไทยยินดีสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ให้มีอิสระในการพิจารณาจะจับมือกับพรรคใดก็ได้เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาล หรือจะเสนอตัวเป็นฝ่ายค้านก็แล้วแต่ดุลพินิจของพรรคเพื่อไทย”
เอฟซีเพื่อไทยกลุ่มนี้ ได้นัดหมายไปแสดงพลังเรียกร้องให้พรรคถอนตัวออกจากพรรคก้าวไกล ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในช่วงบ่าย 2 วันอาทิตย์ที่ 28 พ.ค.2566