สธ. เผย "วัคซีนสูตรไขว้" ซิโนแวค - แอสตร้าเซนเนก้า ฉีดแล้วกว่า 1.5 ล้านโดส
สธ. เผยฉีด "วัคซีนสูตรไขว้" ซิโนแวค - แอสตร้าเซนเนก้า สู้สายพันธุ์เดลตา ยืนยันภูมิขึ้นสูง มีความปลอดภัย ขณะนี้ฉีดไปแล้วกว่า 1.5 ล้านโดส
วันที่ 2 กันยายน 2564 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยฉีด "วัคซีนสูตรไขว้" ซิโนแวค - แอสตร้าเซนเนก้า สู้สายพันธุ์เดลตา ยืนยันภูมิขึ้นสูง มีความปลอดภัย ขณะนี้ฉีดไปแล้วกว่า 1.5 ล้านโดส ย้ำบริหารจัดการทรัพยากรที่มีจำกัดสูงสุด บูรณาการทำงาน ยึดตามหลักวิชาการ เหตุที่ซื้อซิโนแวคเพิ่มเพื่อเป็นเข็ม 1 ทำให้ฉีดเข็ม 2 ได้รวดเร็วขึ้น และครอบคลุมผู้ที่ได้รับวัคซีนอีกเท่าตัว
- ด่วน "โควิดวันนี้" พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น เสียชีวิตพุ่งสะสมเกิน 12,000 ราย
- จองด่วน รพ.ชินเขต เปิด "จองวัคซีน Moderna" เด็ก 12-17 ปี จำนวนจำกัด
- เชิญวอล์คอิน "ฉีดวัคซีน" แอสตร้าเซนเนก้า กับ รพ.ภูมิพล ได้ถึง 3 ก.ย.2564
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ชี้แจงกรณีข้อสงสัยความปลอดภัยของการฉีด วัคซีนสูตรไขว้
โดย นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับคณะกรรมการวิชาการ บริหารจัดการควบคุมป้องกันโรค วัคซีน และการรักษา ซึ่งข้อมูลที่มีการนำมาใช้ประกอบการอภิปราย ส่วนใหญ่เป็นเทคนิคทางวิชาการ อาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงได้ขอชี้แจงใน 3 ประเด็น คือ การระบาดของโรค โควิด-19 ประสิทธิผลของวัคซีนต่อเชื้อกลายพันธุ์ และแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อ
นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ในการบริหารจัดการเรื่อง "วัคซีน" ดำเนินการภายใต้คณะกรรมการวิชาการจากทุกสาขา ได้คิดค้น พัฒนา ปรับปรุง ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ดูแลบำบัดรักษาและให้วัคซีนครบวงจร ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงปัจจุบัน ฉีดไปแล้ว 32 ล้านโดส เป็นไปตามแผนการจัดการวัคซีน ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดและคุ้มค่าที่สุดภายใต้หลักฐานทางวิชาการที่ได้มีการวิจัย ทดลอง สังเกต นำมาประยุกต์ใช้
โดย วัคซีนสูตรไขว้ "ซิโนแวค" ตามด้วย "แอสตร้าเซนเนก้า" จะเป็นวัคซีนพื้นฐานที่ฉีดให้กับประชาชน ยืนยันว่ามีความปลอดภัย ระยะต่อไปเมื่อมีวัคซีนเข้ามามากขึ้น ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ซิโนฟาร์ม จะหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนให้ทันกับสถานการณ์สู้กับการกลายพันธุ์ของไวรัสเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
ด้าน นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า วัคซีนทุกชนิดในโลกตั้งต้นมาจากสายพันธุ์อู่ฮั่น แต่ไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลาเป็นสายพันธุ์จี อัลฟา เบตา ปัจจุบันในไทยพบเป็นสายพันธุ์เดลตา กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญวิจัยติดตามภูมิคุ้มกันจากวัคซีน นำมาสู่การบริหารจัดการฉีด วัคซีนสูตรไขว้ "ซิโนแวค" เป็นเข็มแรก ตามด้วย "แอสตร้าเซนเนก้า" พบมีประสิทธิผลเทียบเท่าฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม
แต่สามารถฉีดได้รวดเร็วและครอบคลุม 2 เท่า รวมทั้งแผนฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม โดยใช้วัคซีนต่างชนิดกัน จำนวน 3 ล้านคน โดยงานวิจัยดังกล่าวกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลอยู่ระหว่างการเสนอตีพิมพ์ ซึ่งกระบวนการใช้เวลานานในสถานการณ์เร่งด่วนและฉุกเฉินไม่สามารถรอตีพิมพ์ก่อนแล้วมาบริหารจัดการได้
"วัคซีนสูตรไขว้ฉีดแล้วกว่า 1.5 ล้านคน มีความปลอดภัย ขออย่าพูดอะไรที่ทำให้ประชาชนสับสน ขณะนี้ไม่ได้ฉีดซิโนแวค 2 เข็มแล้ว แต่เป็นสูตรไขว้" นายแพทย์ศุภกิจ ระบุ
ขณะที่ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรค โควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความรู้ใหม่ทั้งตัวเชื้อและวัคซีนเปลี่ยนตลอดเวลา จึงต้องปรับให้ทันสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของคนไทย
สายพันธุ์เดลตาประสิทธิภาพวัคซีนลดลงทุกตัว แต่ยังป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต จึงต้องเพิ่มประสิทธิผลของวัคซีนที่มีจำกัด ดังนั้นคณะผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านโรคติดเชื้อ ด้านวัคซีนและด้านระบาดวิทยา เป็นต้น ได้ร่วมกันสรุปหาข้อวินิจฉัยโดยอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการที่ประเทศไทยมีและทั่วโลก ทั้งจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไบโอเทค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ข้อมูลตรงกันว่า "สูตรไขว้" มีประโยชน์ โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการวิชาการ ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติถือว่ามีความรอบคอบรอบด้าน
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเสริมอีกว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ร่วมกับคณะแพทย์และคณะผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมกันกำหนดแนวทางการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอก 3 มีการกำหนดและปรับแนวทางการรักษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์บนพื้นฐานข้อมูลทางวิชาการ และผ่านการพิจารณาของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ศปก.สธ.) เพื่อประกาศใช้ทั่วประเทศ
ล่าสุดได้ปรับแนวทางให้ผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์เร็วขึ้นในผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีอาการเล็กน้อยและกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่มีอาการ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วและได้นำไปใช้ใน HI/CI โดยกระจายยาไปยังสถานพยาบาลทั่วประเทศ และยังให้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ และไม่มีโรคประจำตัวอีกด้วย