"จุฬาราชมนตรี" ประกาศล่าสุด ผ่อนปรน มัสยิด ให้กลับมาปฏิบัติศาสนกิจได้
"จุฬาราชมนตรี" ออกประกาศล่าสุด ผ่อนปรนให้ชาวมุสลิมละหมาดญะมาอะห์ และละหมาดวันศุกร์ ที่ มัสยิด ได้ ขณะที่ชุมชนต้องมีอัตราการฉีดวัคซีน โควิด-19 แล้วไม่น้อยกว่า 70%
นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ลงนามในประกาศ "จุฬาราชมนตรี" เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วย การละหมาดญะมาอะห์ และการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ที่ มัสยิด (ฉบับที่ 9/2564)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สปสช. เตรียมกระจาย ATK 8.5 ล้านชุด ให้กลุ่มเสี่ยง "ตรวจโควิด" เช็กรายละเอียด
- เปิดข้อมูล "วัคซีนโควิด" mRNA พบภาวะ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สูงกว่าปกติ
- "พระมหาไพรวัลย์" เปิดปม ไม่สำรวมใครจะศรัทธา หัวเราะ=ศาสนาเสื่อม จริงหรือ
โดยประกาศ จุฬาราชมนตรี ระบุว่า ด้วยได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วยความใกล้ชิดมาอย่างต่อเนื่อง พบว่าในหลายพื้นที่ของประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากความร่วมมือในการเข้ารับการ "ฉีดวัคซีน" และการปรับพฤติกรรมการดำรงชีวิตในสังคม New Normal ของทั้งพี่น้องมุสลิมและพี่น้องชาวไทยที่มีความตระหนักในการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขและประกาศจุฬาราชมนตรีในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค จึงพิจารณาเห็นควรผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจการละหมาดญะมาอะห์ และการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ที่มัสยิดได้
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อาจจะอยู่กับสังคมมนุษย์ไปอีกนาน จึงจำเป็นต้องปรับวิถีการดำรงชีวิตและการปฏิบัติศาสนกิจให้มีความสอดคล้องกับบทบัญญัติศาสนา และยังคงมีมาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยสูงสุด ทั้งผู้ปฏิบัติศาสนกิจ สังคม และการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค จึงได้กำหนดแนวทางการผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิด ดังนี้
1.ประชากรที่อยู่ในชุมชนมีอัตราการได้รับการฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป หรือในพื้นที่ที่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดได้พิจารณาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วสามารถผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจดังกล่าวได้
2.คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดและผู้มาปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิด ทั้งละหมาดญะมาอะห์ และละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ควรได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว อย่างน้อย 1 เข็ม
3.ใช้เวลาในการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ ไม่เกิน 30 นาที และละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) เริ่มตั้งแต่อะซานจนกระทั่งเสร็จสิ้นการละหมาด ไม่เกิน 45 นาที
4.ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขและประกาศจุฬาราชมนตรีด้วยความเคร่งครัด ได้แก่ การตรวจวัดอุณหภูมิ การสวมใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างแถวการละหมาด 1.5 - 2 เมตร การจัดจุดล้างมือ/เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การอาบน้ำละหมาดจากที่บ้าน การนำผ้าปูละหมาดของตนเองมาด้วย และการลงทะเบียนทุกครั้งที่มาปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิด
5.การปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ให้คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดประสานแจ้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เพื่อจะได้ประสานหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด และสำหรับมัสยิดที่อยู่ในจังหวัดที่ไม่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ให้อิหม่ามประจำมัสยิดประสานหารือกับฝ่ายปกครองในพื้นที่ในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ออกโดยภาครัฐและประกาศจุฬาราชมนตรีด้วยความเคร่งครัด
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวข้างต้นให้ถือปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ หรือจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2564