โควิด-19

เตรียมฉีด "ไฟเซอร์" เด็ก 12 ปีขึ้นไป ต.ค.นี้ รองรับเปิดเรียนเต็มรูปแบบ

เตรียมฉีด "ไฟเซอร์" เด็ก 12 ปีขึ้นไป ต.ค.นี้ รองรับเปิดเรียนเต็มรูปแบบ

11 ก.ย. 2564

รบ. เตรียมฉีดวัคซีน "ไฟเซอร์" เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ภายในเดือนตุลาคม ผู้ปกครองต้องให้ความยินยอม ขณะที่ กทม. เริ่มฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์” เข็มแรก แก่เด็กกลุ่มเสี่ยง 21 ก.ย. นี้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีมติเห็นชอบการให้บริการฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ด้วยความยินยอมของผู้ปกครอง โดยจะ เริ่มภายในเดือนตุลาคม นี้ โดยยึดความปลอดภัยของเด็ก ติดตามอาการหลังการได้รับวัคซีนด้วยจึงขอให้สถานศึกษาเร่งสร้างการรับรู้แก่เด็ก ผู้ปกครอง รวมทั้งบุคลากรในโรงเรียน ถึงเป้าหมายการฉีดวัคซีน เพื่อลดอาการป่วยหนัก และเสียชีวิต สร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียน ให้เด็กและเยาวชนสามารถกลับเข้าสู่การเรียนการสอนแบบ Onsite ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียน/นักศึกษา ที่อยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช./ปวส.) หรือเทียบเท่า โดยแบ่งเป็น 2 ระยะระยะแรกสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช./ปวส.) หรือเทียบเท่า ถัดไปจะจัดสรรวัคซีนสำหรับระดับชั้นอื่น ๆ ที่เหลือโดยรูปแบบการให้บริการจะเป็นการให้บริการผ่านสถานศึกษาที่มีผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปกำลังศึกษาอยู่ โดย ศบค. ได้เร่งให้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร สำรวจกลุ่มเป้าหมาย จัดทำแผนจัดสรร กำหนดช่วงเวลาเข้ารับวัคซีนและประสานสถานศึกษาเพื่อนำนักเรียนเข้ารับการฉีดวัคซีน

 

 

ขณะเดียวกัน สำนักอนามัย กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนการให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่นักเรียนที่อยู่ในกลุ่มผู้มีภาวะเสี่ยงและผู้ที่มีโรคประจำตัว กลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง ทุกสังกัดในพื้นที่ กทม. ซึ่งแผนนดังกล่าวครอบคลุม การจัดหน่วยสาธารณสุขเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนการติดตามอาการภายหลังได้รับวัคซีน และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและการเตรียมตัว เนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนักเรียนจะต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการป้องกัน และเฝ้าระวังโรคในสถานศึกษาด้วย โดยจะเริ่มการให้บริการฉีดวัคซีนแก่เด็ก ตั้งแต่ วันที่ 21 ก.ย. นี้เป็นต้นไป