รพ.วชิระภูเก็ต "ฉีดวัคซีน" แอสตร้าเข็ม 3 เข้าผิวหนังใช้แค่ 20% ภูมิพุ่งสูง
รพ.วชิระภูเก็ต ทดลองสำเร็จ "ฉีดวัคซีน" แอสตร้าเข็ม 3 สำหรับผู้ที่ได้รับ ซิโนแวค 2 เข็ม โดยใช้วิธีการฉีดเข้าใต้ผิวหนังใช้วัคซีนแค่ 20% ปรากฏว่า พบภูมิพุ่งสูงขึ้นไปอีก
โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ประสบความสำเร็จในการทำวิจัย ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ด้วย วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (Astrazeneca) แบบฉีดเข้าผิวหนังโดยใช้ปริมาณวัคซีนเพียง 20% ในการวิจัยนี้ได้มีอาสาสมัครอายุระหว่าง 18-60 ปี จำนวน 242 คนที่เคยได้รับวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) แล้ว 2 เข็มเข้าร่วมโครงการ
โดยแบ่งอาสาสมัครเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ได้รับการฉีดแบบทั่วไป (แบบเข้ากล้ามเนื้อ) จำนวน 120 คนโดยได้รับวัคซีน 0.5 ml และกลุ่มที่ 2 ได้รับการฉีดแบบใต้ผิวหนัง จำนวน 122 คน โดยได้รับวัคซีน 0.1 ml หรือ 1 ใน 5 ของการฉีดแบบทั่วไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "จองวัคซีนซิโนฟาร์มฟรี" เทศบาลนครหาดใหญ่แจ้งเหลือแค่ 1,000 สิทธิ เริ่ม 9 โมง
- ด่วน "ลงทะเบียนฉีดวัคซีน" Thai PBS ทางโทรศัพท์ 20 คู่สาย เริ่ม 09.00 น.วันนี้
- เริ่มฉีด "วัคซีนโควิด" เข็ม 3 ก่อนตุลาคม เร่งส่งวัคซีนฉีดพื้นที่ภูเก็ตเพิ่ม
- ปมร้อน "โมเดอร์นา" เครือ รพ.ธนบุรี แจงหลังโซเชียลเดือดหวั่นโดนแย่งวัคซีน
- "หมอธีระวัฒน์" โพสต์ถามจุก วัคซีนมีพอจริงหรือ
ผลการทดลองพบว่าภูมิต้านทานของผู้ที่ได้รับการ ฉีดวัคซีน แบบใต้ผิวหนังมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปเล็กน้อย โดยผู้ที่รับการวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีภูมิคุ้มกันเฉลี่ย 17,662.3 AU/ml และ ผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปมีภูมิคุ้มกันเฉลี่ย 17,214.1 AU/ml
โดยผู้รับวัคซีนทั้ง 2 กลุ่มมีค่าภูมิคุ้มเกินเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด (840 AU/ml) ซึ่งผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีน้อยกว่าการฉีดแบบทั่วไป เช่น มีไข้ หรือปวดศีรษะเพียง 70 ราย เมื่อเทียบกับ การฉีดแบบทั่วไป 98 ราย แต่การฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังจะมีผลข้างเคียงบริเวณที่ฉีดเช่น ระคายเคือง และบวมแดงมากกว่าแต่ไม่เป็นที่น่าวิตกกังวล
นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการ กล่าวว่า “ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นำโดย พญ.ศุภลักษณ์ ละอองเพชร และ พญ. วิทิตา แจ้งเอี่ยม ได้ริเริ่มงานวิจัยนี้เพื่อเป็นทางเลือกในการบริหารวัคซีนของจังหวัดภูเก็ต และน่าเป็นทางเลือกของประเทศไทยในการใช้วัคซีนเข็มที่ 3 ที่ใช้ปริมาณน้อยลงถึง 5 เท่า
การวิจัยนี้ทำเพื่อยืนยันผลการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังว่า ภูมิคุ้มกันหลังฉีดมีค่าเฉลี่ยเท่ากับหรือสูงกว่าการฉีดแบบทั่วไป และเป็นการเปิดมิติใหม่ในการใช้วัคซีนเข็ม 3 ให้กับประชาชน โดยจังหวัดภูเก็ตจะนำร่องในการฉีดวัคซีน Astrazeneca แบบใต้ผิวหนังให้กับชาวภูเก็ตจำนวน 200,000 คนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม ชนิด Sinovac ไปก่อนหน้านี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนภูเก็ต เราต้องฉีดวัคซีนวิธีนี้
การกลับไปสู่วิถีชีวิตปกติความจำเป็นของการได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 น่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และในภาวะที่วัคซีนมีจำนวนจำกัด การใช้เทคนิคการฉีดแบบใต้ผิวหนังจะใช้วัคซีนที่น้อยกว่า ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก และน่าจะเป็นวิธีการสำคัญในการแก้ปัญหาวัคซีนขาดแคลนของมนุษยชาติที่จะรับมือกับโควิด 19 โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าอีกด้วย