หมอธีระวัฒน์ชี้โควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" อาจทำประสิทธิภาพวัคซีนลดลง 40%
หมอธีระวัฒน์ระบุ "โควิดสายพันใหม่" "โอไมครอน" เลวร้ายที่และจะทำให้วัคซีนทั้งหมดที่มีอยู่ลดประสิทธิภาพลงกว่า 40% องค์การอนามัยโลกส่งสัญญาณความกังวล
นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เกี่ยวกับ "โควิดสายพันธุ์ใหม่" หรือ "โอไมครอน"
# สรุปข่าวช่วงเช้า (26/11/2021) กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงสุดยอดไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์ ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาที่จะทำให้วัคซีนทั้งหลายนั้นมีประสิทธิภาพน้อยลง 40 %
พวกเขาได้ส่งสัญญาณความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นกำเนิดในแอฟริกาใต้ ซึ่งงานนี้ทำให้อังกฤษและอิสราเอลได้สั่งการให้หยุดการเดินทางที่มาจากภูมิภาคแอฟริกาใต้แต่บรรดาผู้โดยสารนั้นยังคงเดินทางไปยังอเมริกาอยู่
สายพันธุ์ดังกล่าวถูกเชื่อว่ามีต้นกำเนิดใน Botswana ซึ่งเป็นสถานที่ๆไม่มีเที่ยวบินไปยังอเมริกาโดยตรง จีนเองก็ได้รายงานว่าได้พบเคสติดเชื้อสายพันธุ์ดักล่าวจากผู้โดยสารที่เดินทางไปฮ่องกงซึ่งได้เดินทางมาจากแอฟริกาใต้และงานนี้ได้ทำให้ผู้ที่อยู่ในโรงแรมเดียวกันได้ติดเชื้อไปด้วย
Dr Eric Feigl-Ding นักระบาดวิทยาและคนของสมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกันได้กล่าวว่า
* ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มาจากสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่น่ากังวลและควรจะมีคำสั่งให้ปิดชายแดน
* ดูเหมือนว่า ความสามารถในการหลบหลีกวัคซีนของสายพันธุ์นี้จะเป็นของจริงโดยคนไข้ 2 รายที่ติดไวรัสตัวนี้ในฮ่องกงนั้นทั้งคุ่ได้ฉีดวัคซีน 2 เข็มของ Pfizer ไปแล้ว
* มันเป็นไวรัสที่แพร่ทางอากาศ แขกในโรงแรมนั้นอาศัยอยู่คนละห้องและจากการเก็บตัวอย่างด้านสภาพแวดล้อมได้ตรวจพบไวรัส 25 ครั้งจากการซุ่มตัวอย่างทั้งหมด 87 ครั้งในห้องพักของลูกค้าทั้ง 2 ราย
สายพันธุ์ดังกล่าวนั้นจะถูกตั้งชื่อว่า NU โดย WHO ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโดยมันมีคุณสมบัติดังนี้
* ทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพน้อยลง 40 %
* มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 30 ครั้งในสายพันธุ์ NU ซึ่งมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่เคยมีมาและมากกว่า Delta ถึง 2 เท่า ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า มันมีความสามารถในการต่อต้านวัคซีนและแพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่เคยมีมาก่อน