"ฉีดวัคซีนโควิด" ศูนย์วิจัยศิริราชเผยแนวทางฉีดเข็ม 3 ให้ภูมิคุ้มกันพุ่ง
ศูนย์วิจัยศิริราชเผยผล "ฉีดวัคซีนโควิด" เข็ม 3 ให้ได้ภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้นเทียบชัดแอสตร้าฯและซิโนแวคหลังกระตุ้นด้วยไฟเซอร์พบซิโนแวคภูมิขึ้นมากกว่า แนะประชาชนฉีดกระตุ้นให้เหมาะสม
ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงผลการวิจัยการ "ฉีดวัคซีนโควิด" เข็มกระตุ้น โดยระบุ ผลการวิจัย ว่า "ฉีดวัคซีนโควิด" ครบ 2 เข็มแล้ว กระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนอะไรดี? และควรฉีดอีกทีเมื่อไหร่? มาไขข้อสงสัยด้วยผลวิจัยจากศูนย์วิจัยคลินิก ศิริราช เผยภูมิคุ้มกันเฉลี่ย ในช่วง 2 สัปดาห์ และ 12 สัปดาห์หลังเข็มที่สอง ช่วยเป็นแนวทางในการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3
สำหรับรายละเอียดการวิจัย "ฉีดวัคซีนโควิด" เข็มกระตุ้นตามด้วยวัคซีนสูตรต่าง ๆจะช่วยกระตุ้นภูมิกันให้สูงขึ้น ดังนี้
ระดับภูมิคุ้มกัน (IgG BAU/mL) หลังจาก "ฉีดวัคซีนโควิด" เป็นวัคซีนเข็มที่ 3 ในผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZenneca) มาแล้วสองเข็ม พบว่า หลังจากฉีดวัคซีนครบ 12 เข็มแล้วระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 425 IgG BAU/mL หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันจะลดลงเหลือ 102 IgG BAU/mL เมื่อฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์เต็มโดส พบว่าเมื่อผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ ระดับภูมิคุ้มกันขึ้นไปที่ 2,377 IgG BAU/mL
ระดับภูมิคุ้มกัน (IgG BAU/mL) หลังจาก "ฉีดวัคซีนโควิด" เป็นวัคซีนเข็มที่ 3 ในผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค(Sinovac) มาแล้วสองเข็ม พบว่า หลังจากฉีดวัคซีนครบ 12 เข็มแล้วระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 230 IgG BAU/mL หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันจะลดลงเหลือ 33 IgG BAU/mL เมื่อฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์เต็มโดส พบว่าเมื่อผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ ระดับภูมิคุ้มกันขึ้นไปที่ 5,152 IgG BAU/mL
ที่มา: เพจ Siriraj Institute of Clinical Research