"โควิดสายพันธุ์ใหม่" B.1.640.2 ระบาดในวงจำกัด 2 เดือนพบติดเชื้อ 67 ราย
"โควิดสายพันธุ์ใหม่" B.1.640.2 ระบาดในวงจำกัดเพียง 67 คน ขณะนี้คุมการระบาดได้แล้ว ยังไม่ชัดระบาดเร็วรุนแรง หรือสามารถหลบภูมิได้แค่ไหน เพราะคนยังติดเชื้อน้อย
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับการระบาดของ "โควิดสายพันธุ์ใหม่" โดยระบุว่า โควิด-19 สายพันธุ์ "B.1.640.2" เริ่มการระบาดในฝรั่งเศสเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 น่ากังวลใจแค่ไหน
สายพันธุ์ B.1.640.2 จากรหัสพันธุกรรมบ่งชี้ว่าน่าจะมีต้นกำเนิดมาจากประเทศ "แคเมอรูน" เป็นสายพันธุ์พี่น้องกับสายพันธุ์ B.1.640 (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อไปเป็น B.1.640.1) ที่เคยระบาดในฝรั่งเศสเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ก่อนหน้านี้
https://www.facebook.com/CMGrama/videos/354700513093741/ จากรหัสพันธุกรรมแสดงว่า "B.1.640.1" มีต้น
กำเนิดมาจากประเทศ "คองโก" https://www.facebook.com/CMGrama/posts/4492883617486050
สายพันธุ์ B.1.640.2 กลายพันธุ์ต่างจากไวรัสดั้งเดิม "อู่ฮั่น" 46 ตำแหน่ง จีโนมขาดหายไปเมื่อเทียบกับ "อู่ฮั่น" 37 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่า "โอมิครอน"
สายพันธุ์ B.1.640.2 กลายพันธุ์ต่างจาก B.1.640.1 ไป 25 ตำแหน่ง จีโนมขาดหายไปเมื่อเทียบกับ "B.1.640.1" 33 ตำแหน่ง
สายพันธุ์ B.1.640.2 มีการกลายพันธุ์ตรงตำแหน่งหนามเกิดการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโน "N501Y" ซึ่งจะช่วยให้แพร่ระบาดได้ดี และ "E484K" ช่วยให้หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
ยังไม่น่ากังวลเพราะแม้เวลาผ่านไป 1-2 เดือนยังระบาดอยู่ในวงจำกัดเพียง 67 คน และเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสควบคุมการระบาดไว้ได้แล้ว ยังไม่อาจประเมินได้ว่าจะแพร่ระบาดได้รวดเร็วแค่ไหน และการหลบเลี่ยงภูมิได้มากน้อยเพียงใด ต้องรอให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่านี้จึงจะสรุปได้
ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (US CDC) , องค์การอนามัยโลก (WHO), และ European Centre for Disease Prevention and Control (ECDC) ยังไม่ได้ออกมาเตือนอะไร ไม่จัดเข้ากลุ่ม "VOC" หรือ "VOI" เพราะเวลาผ่านมา 1-2 เดือนยังมีผู้ติดเชื้อเป็นตัวเลขหลักสิบ
ไม่มีเหตุที่ต้อง "ตระหนก" แต่ต้อง "ตระหนัก" ว่าควรกระจายวัคซีนไปในทุกประเทศทั่วโลก เพียง 1 หรือ 2 เข็ม ก็ยังดี แม้ไม่อาจป้องกันการติดเชื้อ แต่จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการควบคุมการกลายพันธุ์ที่หากเกิดขึ้นแล้วจะก่อปัญหาใหญ่โตเช่น "โอมิครอน" นอกเหนือไปจากการลดการเจ็บหนัก และ ลดการเสียชีวิตได้
https://www.medrxiv.org/con.../10.1101/2021.12.24.21268174v1