โควิด-19

เช็คให้ชัวร์ อาการแบบไหนติด "โอไมครอน" แบบไหนติด "เดลตา" แยกออกหรือไม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" เริ่มเข้าแทนที่ "เดลตา" แล้วจะแยกอย่างไรว่า อาการแบบไหนติดโอไมครอน แบบไหนติดเดลตา เช็คให้ชัวร์

หลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ สายพันธุ์ "โอไมครอน" หรือ "Omicron" ซึ่ง WHO หรือองค์การอนามัยโลก ประกาศยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ระดับที่น่ากังวล (Variants of Concern: VOC) เนื่องจาก "โอไมครอน" มีคุณสมบัติพิเศษ คือ แพร่กระจายเร็ว และหลบภูมิ ซึ่งแตกต่างจากสายพันธุ์ "เดลตา" และขณะนี้ ก็กำลังแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้นไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งพบผู้ติดเชื้อสูงขึ้น โดยเฉพาะหลังเทศกาลปีใหม่ หลายคนก็เริ่มกังวลว่า อาการ "โอไมครอน" แตกต่างกับ "เดลตา" อย่างไร อะไรรุนแรงกว่ากัน เป็นแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่า เรากำลังติดสายพันธุ์อะไรอยู่ เนื่องจากในขณะนี้ดูเหมือนว่าโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" กำลังเข้าแทนที่ "เดลตา" ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดใน
ประเทศไทย "คมชัดลึกออนไลน์" ได้รวบรวมข้อควรรู้ "อาการ" ที่พบของทั้งสองสายพันธุ์ เพื่อสำรวจตัวเอง


 

อาการของโควิดกลายพันธุ์โอไมครอน

 

  • มีอาการไอเล็กน้อย ระคายคอ
  • น้ำมูกไหล
  • จาม
  • จมูกยังสามารถได้กลิ่น ลิ้นรับรสได้ดี
  • ไม่ค่อยมีไข้
  • รู้สึกล้า และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • เหงื่อออกตอนกลางคืน แม้จะอยู่ในห้องแอร์
  • ปวดหลังส่วนล่าง

 

อาการโดยรวม เบื้องต้นพบว่าไม่รุนแรง สามารถรักษาที่บ้านได้ ผู้ที่เป็น "โรคเบาหวาน" โรคหัวใจ หากติดเชื้ออาจทำให้มีอาการรุนแรง 

ซึ่งข้อมูลจาก ดร.จอห์น แคมพ์เบล แพทย์จากอังกฤษ ระบุล่าสุดว่า อาการ "โอไมครอน" เปลี่ยนจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ โดย อาการไข้ไม่ชัดเจน และไม่ค่อยพบการสูญเสียการรับกลิ่นและรส 
ส่วนอาการหลัก ๆ ที่พบ มีดังนี้

 

  • ปวดหัว 65%
  • อ่อนเพลียอ่อนล้า 65% ตั้งแต่ไม่มากจนกระทั่งถึงลุกไม่ไหว
  • น้ำมูกไหล 65%
  • เจ็บคอ  57%
  • จาม 55%

 

ขณะที่ อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ที่พบในประเทศไทย จากการตรวจพบผู้ติดเชื้อ ที่มีอาการ 41 ราย มี 8 อาการที่พบมากที่สุด คือ

 

  • อาการไอ 54 %
  • เจ็บคอ 37 %  
  • มีไข้ 29 %
  • ปวดกล้ามเนื้อ 15 %
  • มีน้ำมูก 12 %
  • ปวดศีรษะ 10 %
  • หายใจลำบาก  5 %
  • ได้กลิ่นลดลงมีเพียง  2 %  

 

อาการโอไมครอน

อาการที่พบในโควิด-19 สายพันธุ์ "เดลตา"

 

ปัจจุบันอาการโควิด "เดลตา" ในผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง ยังคงมีอาการรุนแรง ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล อาการโควิด "เดลตา" ล่าสุด ลักษณะ 5 อาการมีดังนี้

  • ปวดศีรษะ
  • เจ็บคอ
  • น้ำมูกไหล
  • เป็นไข้
  • ไอบ่อย

 

ความแตกต่างระหว่างอาการโควิด "โอไมครอน" และ "เดลตา"

 

"โอไมครอน" เป็นโควิดกลายพันธุ์ที่พบจุดเริ่มต้นที่ประเทศแอฟริกา แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักในสหรัฐอเมริกา แทนสายพันธุ์ "เดลตา" แล้ว การตรวจสอบโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" และสายพันธุ์ "เดลตา" ยังใช้วิธีการตรวจสอบด้วย PCR และ Antigen Test Kit ได้

 

อาการโควิด "โอไมครอน" มีข้อบ่งชี้บางอย่างให้ผู้เชี่ยวชาญได้ต้องติดตาม โดยอาการที่แตกต่างในผู้ป่วยแอฟริกามีอาการคัน เจ็บคอ คัดจมูก ไอแห้ง ปวดกล้ามเนื้อ และปวดหลังส่วนล่าง แต่อาการเหล่านี้ก็เป็นอาการที่พบในผู้ป่วย "เดลตา" ซึ่งเร็วเกินไปถ้าจะบอกว่าเป็นความแตกต่างระหว่างอาการ "โอไมครอน" และสายพันธุ์ก่อนหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างอาการ "โอไมครอน" และ "เดลตา" ที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด คือการสูญเสียรสชาติ และการได้กลิ่น การติดตามอาการโควิดในหลายประเทศพบอาการนี้น้อยลง ยังไม่มีผลยืนยันที่ชัดเจนว่า มาจากการได้รับวัคซีนมาก่อนหรือไม่ เนื่องจากแต่ละบุคคลมีสถานะการรับวัคซีนที่แตกต่างกันออกไป จึงแยกได้ยากว่าเป็นการติดเชื้อ "เดลตา" หรือ "โอไมครอน"

 

โดยก่อนหน้านี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยอาการ "โควิด-19" สายพันธุ์ต่างๆ ประกอบด้วย สายพันธุ์อินเดีย (เดลตา) , สายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา) , สายพันธุ์เบตา (แอฟริกา) และสายพันธุ์ S (ระบาดระลอกแรกในไทย) ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ จะจำแนกอาการได้ดังต่อไปนี้

  • สายพันธุ์อินเดีย (เดลตา) อาการคล้ายหวัดธรรมดา ไม่ค่อยสูญเสียการรับรส มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ 
  • สายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา) อาการมีไข้ ไอ เจ็บคอ หนาวสั่น อาเจียน ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ มีน้ำมูก ท้องเสีย การรับรส/ได้กลิ่นผิดปกติ
  • สายพันธุ์เบตา (แอฟริกา) อาการเจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ท้องเสีย ตาแดง มีผื่นตามผิวหนัง นิ้วมือ/เท้าเปลี่ยนสี การรับรส/ได้กลิ่นผิดปกติ
  • สายพันธุ์ S (ระบาดระลอกแรกในไทย) ไอต่อเนื่อง ลิ้นไม่รู้รส จมูกไม่ได้กลิ่น หอบเหนื่อย หายใจลำบาก มีไข้ 37.5 องศาขึ้นไป

 

อาการโควิดสายพันธุ์ต่างๆ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ