"หมอเฉลิมชัย" เปิด 9 ปัจจัยหลัก ทำโควิด "โอไมครอน" ไทยเอาอยู่ ต่างจากยุโรป
"หมอเฉลิมชัย" เปิด 9 ปัจจัยหลัก ทำโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ไทยทรงตัว ต่างจากยุโรป วัฒนธรรม และสภาพอากาศ มีส่วนสำคัญ
(17 ม.ค.2565) นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา อัปเดตสถานการณ์โควิด-19 ระลอกที่ 4 ของไทยทรงตัวต่อเนื่อง ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย และผู้เสียชีวิต โดยะระบุว่า น่าจะมาจาก 9 ปัจจัยโควิดระบาดระลอกที่ 4 ของไทย ซึ่งเริ่มต้นเมื่อ 1 มกราคม 2565 โดยมีไวรัส "โอมิครอน" หรือ "โอไมครอน" เป็นสายพันธุ์หลัก หลังจากที่ผ่านเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่แบบระมัดระวัง ก็มีความกังวลว่า อาจจะมีการระบาดเพิ่มขึ้น การประเมินสถานการณ์ผลกระทบจากการฉลองปีใหม่ จะอยู่ที่ 10-14 วัน หลังผ่านเทศกาลเฉลิมฉลอง ซึ่งเราฉลองปีใหม่กันในช่วงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ถึง 3 มกราคม 2565 จึงใช้ตัวเลขในช่วงวันที่ 14-17 มกราคม 2565 ในการประเมิน
ขณะนี้พบว่า สถิติผู้ติดเชื้อ (PCR) ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) และการติดเชื้อรวม (PCR+ATK) ของวันที่ 14-17 ม.ค.2565 อยู่ในลักษณะทรงตัวต่อเนื่อง ไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงจำนวนผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งมีลักษณะความแตกต่างของการระบาด "โอมิครอน" ไปจากประเทศในยุโรป และสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก บ่งบอกถึงปัจจัยหลายประการ ที่อาจส่งผลดังกล่าว คาดว่า คงเป็นในลักษณะส่งผลโดยรวม อาจไม่สามารถระบุได้ว่า มาตรการหรือปัจจัยใดมีผลมากกว่ากัน ประกอบด้วย
- มาตรการลดผลกระทบหลังเฉลิมฉลองปีใหม่ ด้วยการขอให้ทำงานจากที่บ้าน 100 เปอร์เซ็นต์ ( WFH 100%) สำหรับหน่วยงานรัฐ และขอความร่วมมือจากหน่วยงานเอกชน
- ขอความร่วมมือสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องมาทำงานที่ทำงาน ให้ตรวจ ATK ก่อนเข้าที่ทำงาน
- ขอความร่วมมือในการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งในระหว่างการเดินทางมาทำงาน อยู่ในที่ทำงาน และอื่น ๆ
- ขอความร่วมมือให้ทานอาหารโดยแยกห่างจากผู้อื่นเสมอ
- ละเว้น หรือหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัดและระบายอากาศไม่ดี
- เร่งฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ใช้มาตรการต่างๆทางระบาดวิทยาอย่างเต็มที่
- วัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ของไทย ที่ไม่ถูกเนื้อต้องตัวกันแบบวัฒนธรรมตะวันตก รวมถึงการถอดรองเท้าเข้าบ้าน การอาบน้ำทุกวัน
- อุณหภูมิของฤดูหนาวในประเทศไทย ที่ไม่ได้หนาวเย็นอย่างประเทศตะวันตก
วันนี้ 17 มกราคม 2565
- ติดเชื้อเพิ่ม 6,929 ราย
- ติดในระบบ 6,670 ราย
- ติดจากตรวจเชิงรุก 43 ราย
- ติดในสถานกักตัว 209 ราย
- ติดในเรือนจำ 7 ราย
- สะสมรอบที่สี่ 107,979 ราย
- สะสมทั้งหมด 2,331,414 ราย
- หายป่วย 5,255 ราย
- สะสมระลอกที่สี่ 58,772 ราย
- รักษาตัวอยู่ 82,210 ราย
- โรงพยาบาลหลัก 45,771 ราย
- โรงพยาบาลสนาม 30,528 ราย
- แยกกักที่บ้าน 5,287 ราย
- อาการหนัก 533 ราย
- ใช้เครื่องช่วยหายใจ 108 ราย
- เสียชีวิต 13 ราย
- สะสมระลอกที่สามที่สี่ 243 ราย
- สะสมทั้งหมด 21,938 ราย
- ติดเชื้อเข้าข่าย 1,740 ราย
- สะสมระลอกที่สี่ 29,489 ราย
- ติดเชื้อรวม 8,669 ราย
- สะสมระลอกที่สี่ 137,468 ราย
- ฉีดวัคซีนสะสมกว่า 110 ล้านโดส