เช็คทางรอดผู้ป่วย 5 กลุ่มโรคเสี่ยง อยู่อย่างไรให้ปลอดโควิด "โอไมครอน"
รู้ทันความเสี่ยง รู้ทางป้องกัน รู้ทางรอด ช่วยผู้ป่วย 5 กลุ่มโรคเสี่ยง อยู่อย่างไรให้ปลอดโควิด "โอไมครอน" Omicron
อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด สายพันธุ์ "โอไมครอน" หรือ "โอมิครอน" ที่ขณะนี้ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่จุดพีคตัวเลขผู้ติดเชื้อยังหลักหมื่น และตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มโรคเรื้อรัง "หมอพร้อม" เลยมีคำ
แนะนำในการดูแลผู้ป่วย 5 กลุ่มโรค เพื่อให้ผ่านวิกฤตโควิด ดังนี้
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
หากติดเชื้อโควิดแล้ว จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตันมากกว่าคนทั่วไป
วิธีป้องกัน
- ตรวจวัดความดันเลือดสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนัก ระดับไขมันน้ำตาลในเลือด
- เลิกสูบบุหรี่
- เลี่ยงอาหารรสเค็ม ไขมันสูง
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ วันละ 30 นาที
- สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และฉีดวัคซีน
ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
หากติดเชื้อโควิด มักทำให้ป่วยรุนแรง หัวใจทำงานหนักขึ้น เพราะออกซิเจนต่ำลงจากภาวะปอดบวม เสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลายอวัยวะ และ
หัวใจขาดเลือด รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนล้าบีบตัวน้อยลง
วิธีป้องกัน
- กินยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
- ควรสังเกตอาการ เช่น หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก หรือ หัวใจเต้นผิดปกติหรือไม่
- เลิกสูบบุหรี่
- สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และฉีดวัคซีน
โรคมะเร็ง
ผู้ป่วยมะเร็งมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนทั่วไป หากติดเชื้อโควิด เสี่ยงป่วยรุนแรง
วิธีป้องกัน
- รับวัคซีนได้ ถ้ามีอาการคงที่ หรืออยู่ในระยะหายจากโรค แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจต้องปรับยาบางชนิด
- ออกกำลังกายที่พอเหมาะ และทำเองได้ที่บ้าน
- สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และฉีดวัคซีน
โรคปอด
ปอดของผู้ป่วยมีการทำงานน้อยกว่าคนปกติ หากติดเชื้อ ตัวเชื้อจะทำลายปอดส่วนที่เหลือ ทำให้ป่วยหนัก ระบบหายใจล้มเหลว และหากหายแล้ว แต่เนื้อปอดโดนทำลายไปมาก อาจต้องใช้ออกซิเจนต่อที่บ้าน
วิธีป้องกัน
- ฝึกหายใจเพิ่มสมรรถนะปอด และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อช่วยหายใจ
- เลิกพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่
- สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และฉีดวัคซีน
โรคไตเรื้อรัง
ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนทั่วไป ทำให้ติดเชื้อง่าย และเสี่ยงป่วยรุนแรง
วิธีป้องกัน
- ผู้ป่วยที่ฟอกเลือด ควรพบแพทย์ตามนัดหมาย
- ผู้ป่วยปลูกถ่ายไต ควรสำรองยาไว้อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- หากกินยากดภูมิคุ้มกัน รับวัคซีนได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และฉีดวัคซีน