พบ "เด็กติดโควิด" เพิ่ม ตายกว่าครึ่งอายุน้อยกว่า 5 ปี ไม่มีข้อมูลฉีดวัคซีน
อัปเดตโควิด พบ "เด็กติดโควิด" เพิ่ม มากกว่าครึ่งที่เสียชีวิต อายุน้อยกว่า 5 ปี ไม่มีข้อมูลฉีดวัคซีน ขณะที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย จึงยังมีเตียงรองรับกลุ่มอาการหนัก
กรมการเเพทย์ อัปเดต "โควิด" หลังสงกรานต์ พร้อม "อัตราครองเตียง" โดยนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงการรับมือสถานการณ์ "ผู้ติดเชื้อรายใหม่" ที่เพิ่มขึ้นหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า กรมการแพทย์ได้บริหารจัดการเตียงร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายต่าง ๆ ได้แก่ โรงพยาบาลภาคีเครือข่าย UHosNeT กทม. กลาโหม โรงพยาบาลเอกชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากการอัปเดตสถานการณ์ภาพรวม "โควิด" ขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย
- การติดเชื้อในเด็ก มี "เด็กติดโควิด" เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการติดเชื้อเดือนมกราคม
- กลุ่มที่เสียชีวิต อาการหนักยังเป็นกลุ่มสูงวัย กลุ่มเปราะบาง มีโรคเรื้อรัง ติดบ้านติดเตียง ที่รับเชื้อจากคนใกล้ชิด
- การเสียชีวิตในเด็ก พบว่า มากกว่า50% เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี ส่วนใหญ่มีโรคร่วม และเกือบทั้งหมด ไม่มีข้อมูลได้ฉีดวัคซีน
ด้านการรักษาขณะนี้ทั่วประเทศมีเตียงรักษา "โควิด" ประมาณ 1.8 แสนเตียง อัตราครองเตียงประมาณ 35.8%
การระบาดของ "โควิด" ในขณะนี้มีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจากก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่วนมากเป็นกลุ่มอาการสีเขียว
การรักษาผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงเป็นรูปแบบ Home Isolation (HI) / Community Isolation (CI) และแบบผู้ป่วยนอก หรือ "เจอ แจก จบ" (Outpatient with Self Isolation : OPSI) จึงยังมีเตียงรองรับกลุ่มอาการหนัก
สำหรับการรักษาผู้ป่วย "โควิด" เป็นไปตามแนวทางการรักษา (CPG) ของกรมการแพทย์ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม
1. กลุ่มที่ไม่มีอาการหรือสบายดี ไม่ต้องกินยาต้านไวรัส อาจให้ยาฟ้าทลายโจรขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
2. กลุ่มทึ่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง พิจารณาให้ Favipiravir เร็วที่สุด
3. กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยง ต่อโรครุนแรงหรือกลุ่มที่มีปอดอักเสบ แต่ยังไม่ต้องให้ออกซิเจน พิจารณาให้ยาต้านไวรัสเร็วที่สุด ตัวใดตัวหนึ่ง ตาม CPG ของกรมการแพทย์ ได้แก่ Favipiravir หรือ Remdesivir หรือ Molnupiravir หรือ Nirmartelvir/ritonavir (Paxlovid) โดยประเมินจากประวัติวัคซีนและปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรง
4. กลุ่มที่มีอาการปอดอักเสบต้องได้รับการรักษาด้วยออกซิเจน พิจารณาให้ Remdesivir เร็วที่สุด ทั้งนี้ การรักษาในผู้ป่วยกลุ่มเด็ก มีแนวทางรักษา คือ การให้ยา Favipiravir ชนิดเม็ดและชนิดน้ำ ในกลุ่มอาการไม่รุนแรง และ Remdesivir ในกลุ่มอาการปานกลางถึงรุนแรง ส่วนการรักษาในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ มีแนวทางคือ การให้ยา Remdesivir และอาจพิจารณาให้ Favipiravir ในไตรมาสที่ 2-3 พิจารณาเป็นกรณี
ทั้งนี้ การรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โรคประจำตัว และประวัติการได้รับวัคซีน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด