"ลองโควิดโอไมครอน" พบ 4 อาการหนัก วัคซีน 2 เข็ม ป่วยน้อยลงครึ่งต่อครึ่ง
"ลองโควิดโอไมครอน" ผลวิจัยจากอังกฤษล่าสุด พบ 4 อาการหนักหลัก ๆ วัคซีน 2 เข็ม ทำป่วย Long covid น้อยลงครึ่งต่อครึ่ง
"ลองโควิดโอไมครอน" เมื่อติดโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เสี่ยงเป็นลองโควิด รุนแรงมากน้อยแค่ไหน หลังข้อมูลพบว่า อาการโอไมครอน เบากว่าสายพันธุ์เดลตา แต่อาจพบภาวะลองโควิด หนักกว่าติดเชื้อเดลตา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2565 เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานว่า ผลวิจัยจากประเทศอังกฤษพบกลุ่มที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม พบภาวะที่ป่วยเป็น "ลองโควิดโอไมครอน" (Long Covid) ได้น้อยลงครึ่งต่อครึ่งจากสายพันธุ์โอไมครอน
การศึกษาดังกล่าว ใช้การเปรียบเทียบระหว่างสายพันธุ์โอไมครอน (BA.1 และ BA.2) กับสายพันธุ์เดลตาในกลุ่มผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งได้รับวัคซีนป้องกันแล้ว 2 เข็ม โดยสังเกตอาการป่วยหลังติดเชื้อนาน 4-8 สัปดาห์ พบว่า มีผู้แสดงอาการป่วยน้อยกว่ากลุ่มเดลตาราวร้อยละ 50 ข้อมูลยังบ่งชี้ว่า กลุ่มผู้ได้รับวัคซีนรวม 3 เข็ม มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นลองโควิดไม่แตกต่างกันในการติดเชื้อครั้งแรกระหว่างทั้งสองสายพันธุ์ (แต่รายงานไม่ได้ระบุว่าเสี่ยงมากหรือน้อย)
อย่างไรก็ตาม สำนักงานข้อมูลเชิงสถิติอังกฤษ หรือโอเอ็นเอส ระบุว่า ได้รับรายงานว่า มีผู้ป่วย "ลองโควิดโอไมครอน" สายพันธุ์โอไมครอน BA.2 (Steath Variant) มากกว่า BA.1 ราวร้อยละ 22 ในกลุ่มฉีดครบ 3 เข็ม โดยเกณฑ์การประเมินว่าเป็นลองโควิดนั้น มาจากการสังเกตอาการป่วยเรื้อรังที่นานเกินกว่า 4 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยโรคอื่น ๆ
โอเอ็นเอส ระบุว่า ผู้ป่วยลองโควิด อธิบายถึงอาการป่วยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจวัตรประจำวันในระดับที่มาก อาทิ อ่อนเพลีย (ร้อยละ 51) หายใจไม่อิ่ม (ร้อยละ 33) สูญเสียความสามารถในการได้กลิ่น (ร้อยละ 26) และไม่ค่อยมีสมาธิจดจ่อ (ร้อยละ 23) โดยกลุ่มที่พบป่วยเป็นลองโควิดมากที่สุดเป็นเพศหญิงอายุ 35-49 ปี กลุ่มอาชีพสาธารณสุข การศึกษา ผู้พิการและผู้มีโรคประจำตัว
ทั้งนี้ อีกตัวเลขที่น่าสนใจจากโอเอ็นเอส เป็นปริมาณผู้ป่วยลองโควิดในอังกฤษกว่า 1.8 ล้านคน เมื่อ 3 เม.ย. คิดเป็นร้อยละ 2.8 ของประชากรทั้งหมด ถือว่าสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้านั้นร้อยละ 6 และเป็นสถิติสูงสุดของอังกฤษในขณะนี้
ขอบคุณข้อมูล เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์