โควิด-19

"โควิด" ระบาดลดลงต่อเนื่อง คาด ปลายเดือน พ.ค. ปรับลดระดับเตือนภัยเป็นระดับ 2

"โควิด" ระบาดลดลงต่อเนื่อง คาด ปลายเดือน พ.ค. ปรับลดระดับเตือนภัยเป็นระดับ 2

12 พ.ค. 2565

“อนุทิน” ประชุม คกก.จัดการ "โควิด" เป็นโรคประจำถิ่นครั้งแรก คาดปลายเดือน พ.ค. อาจลดระดับการแจ้งเตือนภัยเป็นระดับ 2 หลังพบการระบาดลดลงต่อเนื่อง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั่งเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการชุดจัดการ "โควิด" สู่โรคประจำถิ่น เพื่อรับฟังความเห็นและเตรียมการผ่อนคลายเป็นระยะ ให้มีความสมดุลทั้งมาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุข มาตรการทางเศรษฐกิจ และมาตรการทางสังคมและองค์กร ชี้สถานการณ์การระบาดลดลงต่อเนื่อง คาดปลาย พ.ค.นี้ จะเข้าสู่ระยะโรคลดลง และอาจพิจารณาลดระดับการแจ้งเตือนภัยเป็นระดับ 2

 

นายอนุทิน กล่าวว่า จากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ในประเทศไทยขณะนี้เริ่มมีแนวโน้มลดลงและอยู่ในการควบคุม ประชาชนมีภูมิคุ้มกันที่มากเพียงพอ สามารถเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นหรือโรคติดต่อทั่วไปได้ จึงต้องเตรียมการเพื่อปรับรูปแบบการบริหารจัดการและการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตในวิถีปกติใหม่และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรอบคอบรัดกุมและบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันกำหนดแผน มาตรการและแนวทางข้อเสนอให้สามารถควบคุมสถานการณ์และเข้าสู่โรคประจำถิ่นได้อย่างเหมาะสม

 

"การประชุมครั้งแรกวันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบข้อเสนอการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดการสถานการณ์โรคโควิด19 สู่โรคประจำถิ่น โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดมาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุข มาตรการทางเศรษฐกิจ และมาตรการทางสังคมและองค์กร ให้มีความสมดุลสอดคล้องกัน รวมถึงการสร้างความร่วมมือของประชาชนในการรับมือและปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับโควิด19 ที่เปลี่ยนมาเป็นโรคประจำถิ่นหรือโรคติดต่อทั่วไปได้อย่างปลอดภัย" นายอนุทิน กล่าว

 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า จากแผนและมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด 19 สู่โรคประจำถิ่น ที่มี 4 ระยะ คือ ระยะต่อสู้กับโรค (Combatting) ระยะโรคทรงตัว (Plateau) ระยะโรคลดลง (Declining) และระยะหลังการระบาด (Post pandemic) ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในระยะทรงตัว จึงประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 4 มาเป็นระดับ 3 พร้อมดำเนินงานในแต่ละด้าน คือ

 

1. ด้านสาธารณสุข เดินหน้าฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากกว่าร้อยละ 60 เน้นเฝ้าระวังการระบาดที่เป็นกลุ่มก้อน และผู้ป่วยปอดอักเสบ และผ่อนคลายมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น

 

2. ด้านการแพทย์ ปรับแนวทางการดูแลรักษาแบบผู้ป่วยนอก เน้นดูแลผู้ป่วยที่เสี่ยงอาการรุนแรง มีอาการรุนแรง และภาวะลองโควิด

 

3. ด้านกฎหมายและสังคม เตรียมการด้านกฎหมายของทุกหน่วยงานให้สอดคล้องกับการปรับตัวสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ลดการจำกัดการเดินทางและการรวมตัวของคนหมู่มาก ส่งเสริมมาตรการ Universal Prevention และมาตรการ COVID Free Setting

 

4. ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ชีวิตร่วมกับโรคโควิด 19 อย่างปลอดภัย

 

ทั้งนี้ คาดว่าช่วงปลายเดือนพฤษภาคม - มิถุนายนนี้ สถานการณ์จะเข้าสู่ระยะโรคลดลง (Declining) และจะมีการผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงจะประกาศลดระดับการเตือนภัยเป็นระดับ 2