โควิด-19

"ฉีดวัคซีน" ฟรี แม้ โควิด เป็น โรคติดต่อเฝ้าระวัง กรมควบคุมโรค ยืนยัน

"ฉีดวัคซีน" ฟรี แม้ โควิด เป็น โรคติดต่อเฝ้าระวัง กรมควบคุมโรค ยืนยัน

03 ต.ค. 2565

กรมควบคุมโรค ย้ำ "ฉีดวัคซีน" ฟรี แม้ โควิด กลายเป็น โรคติดต่อเฝ้าระวัง โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุ ควรได้รับ วัคซีนเข็มกระตุ้น

(3 ต.ค.2565) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นมา "โรค โควิด" ได้เป็น "โรคติดต่อเฝ้าระวัง" ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ซึ่งกำหนดให้มีการรายงานโรคเป็นรายสัปดาห์ ผ่านทางเว็บไซต์กรมควบคุมโรค โดยเริ่มรายงานวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นการรายงานตัวเลขผู้ป่วยและเสียชีวิตในสัปดาห์แรก ระหว่างวันที่ 25 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2565 เป็นสัปดาห์ที่ 39 ของการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา 

จำนวนผู้ป่วย"โควิด"ที่รักษาในโรงพยาบาล รวม 4,435 ราย (เฉลี่ยวันละ 634 ราย) จำนวนเสียชีวิตในสัปดาห์ที่ผ่านมา 65 ราย (เฉลี่ยวันละ 9 ราย) ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 54 ราย เท่ากับร้อยละ 83 และผู้เสียชีวิตช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกินครึ่งเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด จำนวน 36 ราย (ร้อยละ 55) และมีอีก 15 รายยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น (ร้อยละ 23) 

 

 

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ที่กำหนดเป็น "โรคติดต่อเฝ้าระวัง" ในประเทศไทย มีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิดลดลง แต่พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิต ยังไม่เคยได้รับวัคซีน จึงอยากย้ำลูกหลาน ให้นำผู้สูงอายุรับวัคซีน ไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือ ศูนย์ฉีดวัคซีนในจังหวัด และหากเป็นผู้ป่วยติดบ้าน หรือติดเตียง สามารถที่จะแจ้งให้ อสม.หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปฉีดวัคซีนให้ที่บ้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สังเกตพบว่า ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ส่วนใหญ่ยังคงสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ ที่มีผู้คนแออัดจำนวนมาก ไม่มีรายงานการระบาด และ จำนวนผู้ป่วยไม่มีการเพิ่มขึ้นผิดปกติแต่อย่างไร ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขแนะนำแนวทางการป้องกันโควิดที่สมดุลกับวิถีชีวิตประชาชน ในระยะที่เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง หากใครมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ ต้องสวมหน้ากากอนามัย และตรวจ ATK ส่วนประชาชนทั่วไป แนะนำให้สวมหน้ากากเมื่อเข้าไปในสถานที่ผู้คนแออัด หรือพื้นที่ปิดอากาศไม่ถ่ายเท เช่น โรงพยาบาล สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ/เด็กเล็ก เป็นต้น รวมถึงขนส่งสาธารณะที่มีผู้โดยสารหนาแน่น เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ ประชาชนทั่วไปที่ไม่มีอาการป่วย
ไม่ต้องตรวจ ATK แล้ว

          

 

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องเน้นย้ำกับทุกคนคือ ในระยะที่ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ยังมีมาตรการที่สำคัญ คือการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงสูง คือผู้สูงอายุที่เหลืออีก 1.9 ล้านคน ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มที่เสี่ยงสูงสุดในเวลานี้ เพราะว่าไม่เคยได้วัคซีนแม้แต่เข็มเดียว และมักมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ดังนั้น ถ้าติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่ากลุ่มอื่น รวมทั้งต้องเร่งรัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยเน้นมาตรการทางสังคมที่สมดุลกับชีวิตวิถีใหม่ สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่เสี่ยง ล้างมือ เว้นระยะห่าง และการจัดการสภาวะแวดล้อมที่เสี่ยงให้มีการระบายอากาศที่ดี และส่งเสริมมาตรการการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ย้ำตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วย และรักษาเร็วด้วยยาที่มีประสิทธิผล ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมีความตระหนักในการป้องกันตนเองและผู้ใกล้ชิดในครอบครัวที่เป็นผู้สูงอายุอยู่ตลอดเวลา เพราะโควิดไม่ได้หายไปจากประเทศไทย และผู้สูงอายุยังไม่ปลอดภัยหากไม่ได้รับวัคซีนครบตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 และ สามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์ได้ที่เว็บไซต์กรมควบคุมโรค คลิกที่นี่

 

 

 

 

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Youtube - https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057